Disney targets to cut greenhouse gas emissions in half by 2020 ดิสนีย์จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2020

ตอนนี้ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจขนาดใหญ่ ต่างก็หันมาให้ความสำคัญในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญพลังงานจากแหล่งพลังงานทางเลือกเหล่านี้สามารถใช้ซ้ำและทดแทนได้ หลายปีก่อนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือก มักจะต้องมีการลงทุนในอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งมีต้นทุนที่ค่อนข้างจะสูง ซึ่งใช้เวลานานหลายปีกว่าจะคืนทุน จนทำให้หลายองค์กรที่อยากจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแหล่งทางเลือกต้องล้มเลิกความตั้งใจ

ในขณะนี้เทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกมีราคาถูกลง สามารถเข้าถึงไม่ใช่เฉพาะแค่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้นที่จะมีโอกาสเข้าถึง ผู้ประกอบการรายเล็กหรือแม้กระทั่งการใช้งานในรูปแบบภายในครัวเรือนก็สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกัน

แต่สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่นอกจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้โดยง่ายแล้ว ยังมีการตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุในแง่ของการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย อย่างเช่น Disney ผู้ประกอบการด้านการบันเทิงและสันทนาการรายใหญ่ของโลกได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ลดลงให้ได้เป็นจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากธุรกิจที่ดำเนินการ โดยได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ปี 2012 และจะต้องสามารถบรรลุเป้าหมายให้ได้ภายในปี 2020

ทาง Disney ได้ลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนพื้นที่กว่า 22 เอเคอร์ สำหรับกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 5 เมกาวัตต์ ติดตั้งซะเก๋เชียวละโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2016 ในส่วนของ Tokyo Disneyland ก็มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ กำลังการผลิต 600 กิโลวัตต์ สำหรับใช้ในขบวนพาเหรดที่โชว์แสงสีในช่วงกลางคืน ใน Disneyland Paris ก็มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากความดันไอร้อน หรือแม้กระทั่งที่ Disney's Shanghai Resort ก็มีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกในเครื่องทำความร้อนและเครื่องทำความเย็น ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์

เห็นแบบนี้แล้วอยากให้หลายๆบริษัทในประเทศไทยหันมาให้ความสนใจในการหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถใช้ซ้ำและทดแทน