4G LTE FDD กับ TDD คืออะไร? ดียังไง?
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว steemians ทุกคนนะครับ
วันนี้ก็นำข้อมูลมาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ซึ่งหลายคนคงได้ยินข่าวกันมาบ้างเรื่องการประมูลคลื่นความถี่ของค่ายเครือข่ายใหญ่ในบ้านเรา ซึ่งจะทำให้มีคลื่นความถี่ 4G ออกมาเป็น 2 รูปแบบ นั้นคือ FDD และ TDD งั้นเราความมาทำความรู้จักพวกมันกันนะครับ
FDD และ TDD คืออะไร
FDD กับ TDD มันคือตัวย่อศัพท์ทางเทคนิคของระบบเครือข่าย ซึ่งคำนิยามสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายๆ ตามนี้ครับ
FDD ย่อมาจาก Frequency Division Duplex โดยหลักการทำงานของ FDD คือ การแบ่ง คลื่นส่ง (downlink) และ คลื่นรับ (uplink) แยกออกเป็นคนละช่วงความถี่ทำให้สามารถรับและส่งได้ในเวลาเดียวกัน
- TDD ย่อมาจาก Time Division Duplex ซึ่งหลักการทำงานของ TDD จะแตกต่างจาก FDD ตรงที่ คลื่นส่ง และ คลื่นรับ นั้นใช้คลื่นเดียวกัน แต่ว่าแบ่งช่วงเวลาในการรับ-ส่งข้อมูลแทน
อ่านมาแล้วดูภาพแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ งั้นดูสรุปหัวข้อย่อยๆ ตามนี้แล้วกัน
- ณ ปัจจุบัน TrueMove H, AIS, dtac ต่างก็ให้บริการปล่อยคลื่น 4G แบบ FDD อยู่
- เร็วๆ นี้ทาง dtac จะนำ TDD มาใช้
- ถ้าเปรียบถนน 6 เลน FDD จะแบ่งช่องการเดินรถแบบ 3-3 คือไปและกลับเท่ากัน ส่วน TDD จะแบ่งแบบไหนก็ได้ เช่น ไป 4-2, 5-1 ตามช่วงเวลารถมากน้อยในเส้นทางนั้น TDD จึงมีความยืดหยุ่นกว่า จะดีในช่วงที่รถคับคั่ง(เทียบกับการใช้อินเทอร์เน็ตพร้อมกันเยอะอย่างตอนไปดูคอนเสิร์ต) ที่สามารถปรับตั้งค่าการรับส่งสัญญาณได้
- อุปกรณ์ส่วนใหญ่รองรับ FDD
- TDD ข้อดีมาเต็ม แต่ข้อเสียก็มีคือระยะส่งสัญญาณได้ใกล้กว่า FDD เช่น TDD ส่งได้รัศมี 1 กม. แต่ FDD ส่งได้รัศมี 2 กม. เป็นต้น
- อุปกรณ์ที่รองรับ TDD นั้นกำลังทะยอยออกมา ดังนั้นไม่ใช่ว่ามือถือทุกเครื่องที่ใช้ 4G ได้ จะใช้ TDD ได้ (ต้องไปดูสเปกอีกที)
- ว่าไปแล้ว FDD กับ TDD มันดีพอๆ กัน อยู่ที่ว่าจะนำมาใช้ในลักษณะใด
ถ้าคิดหลักการง่ายๆ แบบชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจหลักการเชิงลึกของระบบเครือข่าย พอจะเล่าเป็นประเด็นง่ายๆ ดังนี้ว่า
- ถ้าในพื้นที่ห่างไกลนอกตัวเมืองที่ประชากรไม่หนาแน่นและอยู่ห่างกัน การส่งสัญญาณแบบ FDD จะดีกว่าด้วยความที่ได้ระยะรัศมีของสัญญาณที่ครอบคลุมมากกว่า โอกาสที่สัญญาณจะหลุดก็น้อยกว่า
- ถ้าในพื้นที่เมืองที่ประชากรกระจุกตัวอยู่กันมาก เช่น บริเวณคอนโด, แฟลตที่พัก, ชุมชนแอดอัดหรืองานอีเวนท์ต่างๆ อย่าง คอนเสิร์ต ฯลฯ ถ้ามีการส่งสัญญาณแบบ TDD และมีช่องสัญญาณที่ใหญ่พอ ก็จะทำให้ทุกคนนั้นดาวน์โหลดหรืออัปโหลดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากกว่า
ผู้ใช้อย่างเราๆ ต้องเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้
- เราได้เรื่อง FDD และ TDD กันไปเบื้องต้นแล้วว่ามันคืออะไรและก็พอรู้แล้วว่าผู้ให้บริการในไทยนั้นให้บริการในรูปแบบไหน
- ต่อไปหากจะซื้อมือถือใหม่สักเครื่องก็ต้องดูก่อนว่าเราจะใช้กับเครือข่ายไหน, เครือข่ายนั้นให้บริการแบบ FDD หรือว่า TDD หรือให้บริการทั้งสองแบบ พอเรารู้แล้วเราก็เลือกมือถือรุ่นที่รองรับให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะตามมาคือ ซื้อมาใช้จะเอาไปใช้กับเครือข่ายนั้นแบบเต็มประสิทธิภาพไม่ได้เพราะว่าสเปกเครื่องที่มีมาไม่รองรับเครือข่ายที่ให้บริการ
สิ่งที่ผู้ใช้อย่างเราต้องการจากผู้ให้บริการเครือข่ายคืออะไร?
จะเทคโนโลยี 4G FDD หรือ TDD นั้นมันก็มีข้อดีของมันทั้งหมดแหละ เอาจริงๆ แล้วผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้มานั่งสนใจหรอกว่ามันคืออะไร สิ่งที่ผู้ใช้ต้องการก็เพียงแค่
◦ สัญญาณแรงครอบคลุมทั่วพื้นที่
◦ โทรเข้าออกง่าย ไม่ No Service
◦ คุยไปสัญญาณไม่หลุด
◦ อยู่ในตึกสัญญาณยังมี
◦ อินเทอร์เน็ตเข้าใช้งานได้ โหลดง่ายๆ ลื่น ตามที่โฆษณาเอาไว้เป็นไงบ้างละครับ มองถึงความแตกต่างของเครือข่าย FDD กับ TDD กันหรือยังครับ หวังว่าจะมีการพัฒนาของแต่ละเครือข่ายไปเรื่อยๆนะ และประเทศไทยของเราจะได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆนะครับ เพื่อนๆที่สนใจ ก็ลองอ่านข้อมูลดูนะครับ
ฝากต่อท้าย ขอให้เพื่อนๆโหวต Witnesses ให้กับ @curie ด้วยนะครับ กลุ่มผู้สนับสนุน Steemit Thai Community ของพวกเรามาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน 🙏🏻
ขอบคุณสำหรับข้อมูลข่าวสารค่ะพี่เบส @jakkris โลกไปไกลจนจะตามไม่ทันอยู่แล้ว5555
ครับน้องออมสิน รอการพัฒนาของ 4G ในประเทศไทยต่อไปครับ 🙏🏻😁
แสดงว่าบริษัทเครือข่ายมือถือใช้เครือข่ายที่แตกต่างกันใช่มั้ยคะ เพราะบางบริษัทในเมืองใช้ดี พอขึ้นดอยนี่ดับเลยค่ะ
บนดอยนี้จะห่างไกลเสาสัญญาณนะครับ มือถือเลยไม่สามารถรับสัญญาณได้ จริงๆแล้วความเร็วอินเตอร์เน็ตกับสัญญาณเครือข่ายในไทยอยู่ที่พื้นที่มากกว่าครับ