นิกโกะ” กับประสบการณ์เที่ยวครั้งที่ 2 <Do not say "wonderful" until you've seen “Nikko”>

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว Steemit

มีคำกล่าวไว้ว่า Do not say "wonderful" until you've seen “Nikko” เป็นคำกล่าวของคนญี่ปุ่นที่อธิบายถึงความงามของนิกโกะ (Nikko)

เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันเคยไป Nikko แล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นยังไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับ Nikko เลย แต่ก็ไปเพราะเพื่อนชวน ด้วยความที่ไปโดยที่ไม่มีข้อมูลของนิกโกะ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเป็น “มรดกโลก” และไปโดยไม่ได้คาดหวังใดๆ ดังนั้น เมื่อไปถึง ฉันจึงทึ่งกับสิ่งที่เห็นมากถึงมากที่สุดจนเกินบรรยาย

คนญี่ปุ่นจะเก่งเรื่องการเล่าเรื่อง เมื่ออ่านที่มาที่ไปผสมกับการเห็นของจริง หากเข้าใจสิ่งที่อธิบายนั้น ทำให้ไม่ว่าใครก็ต้องเกิดความประทับใจ วันที่ไปเป็นช่วง Golden week ซึ่งเป็นวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่นพอดี ผู้คนเยอะมากแต่ก็ต่อแถวเข้าชมกันอย่างมีระเบียบ

ศาลเจ้านิกโกะโทโชกุ (Nikkō Tōshō-gū) เป็นสถานที่ซึ่งเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ซึ่งทุกคนต้องแวะไปเป็นที่แรก ทำเอาฉันตื่นตาตื่นใจในงานสถาปัตยกรรมและงานแกะสลักที่สวยงามจนหาที่ติมิได้

เมื่อ 3 ปีก่อนที่มานั้น เพื่อนไต้หวันเป็นคนจัดการเรื่องการเดินทางทุกอย่าง ฉันจึงจำอะไรเกี่ยวกับการเดินทางไปที่นั่นไม่ค่อยได้ แต่ครั้งนี้ ฉันกลายเป็นคนที่ต้องพาเพื่อนไป จึงต้องเริ่มหาข้อมูลตั้งแต่ตอนที่อยู่เมืองไทย

จริงๆการไป Nikko นั้นไม่ยาก และไปได้หลายทาง ครั้งนี้ ฉันเลือกเดินทางด้วยรถไฟสาย Tobu Nikkoโดยต้องไปขึ้นที่ “อะสะกุสะ” (Asakusa) เพราะใกล้ที่พัก ซึ่งมีตั๋วรถแบบ คือ แบบ 2 วัน จะเที่ยวได้เพียงครึ่งหนึ่งและแบบ 4 วัน จะเที่ยวได้ทั้งหมดของ Nikko ที่ต้องเป็นแบบนั้นเพราะ Nikko นั้นใหญ่มาก ไม่สามารถเที่ยวได้ครบในวันเดียว จึงอาจจต้องไปค้างคืนเพื่อที่จะได้เที่ยวได้หลายๆที่

ฉันเลือกซื้อแบบ 2 วัน ซึ่งจะค้างที่นั้น 1 คืนแล้วค่อยกลับอีกวันก็ได้ แต่วันเวลาที่จำกัด ทำให้พวกเราต้องไปเช้าเย็นกลับ ตั๋วนี้สามารถซื้อจากตัวแทนในเมืองไทยก็ได้ ราคาประมาณ 790 บาท แต่ต้องมาแลกเป็นตั๋วที่ญี่ปุ่น หรือจะมาซื้อที่ญี่ปุ่นก็ได้ ราคาอยู่ที่ 2,670¥ ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกัน โดยตั๋วนี้ เป็นตั๋วรถโดยสารซึ่งครอบคลุมตั้งแต่รถไฟที่โดยสารไปและกลับ รวมถึงรถบัสใน Nikko ด้วย

รถที่ฉันขึ้นได้คือ สีเทา

ด้วยความที่ ฉันเลือกซื้อแบบรถธรรมดา ไม่ได้จ่ายเงินเพิ่มอีก 1,1xx ¥ เพื่อขึ้นรถด่วน จึงต้องไปเช้ามาก เราเลือกไปขึ้นรถที่ สถานีโตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree Station) เวลา 6.47 น. และเปลี่ยนรถ 1 ครั้ง ตอน 7.52 น. ถึง สถานีโทบุนิกโก้ตอน 9.16 น.

ถ้าพลาดขบวนนี้ ต้องไปรถเที่ยว 8.13 น. และจะถึงสถานีโทบุนิกโก้ ตอน 10.44 น. ซึ่งจะสายกันไปใหญ่ เพราะเราจะต้องกลับรถเที่ยวสุดท้าย ตอน 17.32 น. การเปลี่ยนรถเป็นประสบการณ์ที่ฉันชอบมาก สนุกดี แต่เพื่อนๆ ดูไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ 5555 พวกเขาเริ่มเหนื่อย

อากาศที่ Nikko เย็นกว่าโตเกียว ต้นไม้จะมีความอุดมสมบูรณ์มาก สมใจเพื่อนฉันคนหนึ่งที่มาด้วยกัน เพราะเขาชอบต้นไม้มาก โชคดีที่วันนี้อากาศดี จึงถ่ายรูปออกมาได้สวยทีเดียว

ขอบคุณสำหรับการติดตามและเป็นกำลังใจนะคะ
@katto