"ย้อนอดีต"

in #thai6 years ago

ตอนวัยรุ่นเคยสนุกสุขหรรษา
วันเวลาหมุนไปนับไกลห่าง
แต่ความหลังยังฝังใจไม่เคยจาง
ถึงแม้ร่างจะแก่ไปก็ไม่ลืม

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ มาพบกันอีกแล้ว วันนี้ไม่รู้จะพูดคุยอะไรให้เพื่อนๆได้รับฟังกัน นั่งคิด นอนคิด จะเขียนอะไรดีน๊า...ก็พอดีหยิบอัลบั้มรูปขึ้นมาดู "เห็นทีจะต้องขายเรื่องชีวิตของตัวเองนี่แหละ คงไม่เป็นไรมั้ง" ฉันคิดในใจ ขอให้เพื่อนๆอดทนฟังสักนิดนะคะ ฉันจะเริ่มเลยนะ...

ฉันเกิดเป็นลูกชาวนา ตั้งแต่ในวัยเด็กจนกระทั่งเป็นวัยรุ่น ชีวิตของฉันก็จะไม่ค่อยได้ทำงานเท่าไหร่นัก งานที่ว่านี้ฉันหมายถึงงานทั่วๆไปที่ชาวนาเขาทำกันเป็นต้นว่าถอนกล้า ดำนา เพราะชีวิตในแต่ละวันของฉันจะขลุกอยู่กับการเรียน จะได้ทำอยู่บ้างก็แค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น พ่อแม่จากฉันไปตั้งแต่ยังเล็ก พี่ชายและพี่สะใภ้จึงเป็นคนดูแลฉันในเวลาต่อมา ถ้าวันหยุดของฉันตรงกับฤดูทำนา พี่ชายก็จะให้ไปถอนกล้ากับพี่สะใภ้ ฉันเป็นคนถอน
ส่วนพี่สะใภ้เป็นคนมัด แรกๆฉันก็ถอนไม่เป็น ฉันจะจับทีละต้นสองต้น พี่สะใภ้จึงทำให้ดู

"นาง ทำยังงั้นเมื่อไหร่ถึงจะได้มัดล่ะ นี่...มันต้องทำอย่างนี้"
พี่สะใภ้พูดพลางเอามือถอนทีละหลายต้น เธอลากกำกล้าเเล้วดึงเข้ามาหาตัว อีกมือหนึ่งก็กำกล้าที่จะถอนไว้โดยทำเป็นจังหวะ ดูท่าทางที่เธอถอนกล้านั้นจะง่ายซะเหลือเกิน ส่วนฉันสิ มันช่างเป็นอะไรที่ยากพอสมควร ฉันพยายามอยู่นานทีดียว จึงค่อยๆทำได้ดีกว่าเดิม ฉันถอนแล้ววางไว้จนเต็มกำมือ แต่ละกำมือก็จะวางไขว้กันไว้ พี่สะใภ้จะเป็นคนมัดตามหลัง โดยการเอากล้า1กำมือวางกระแทกค่อยๆใส่ไม้แผ่นเรียบเพื่อให้รากกล้าเสมอกัน เวลานำไปปักดำจะได้ปักดำง่าย พอรากกล้าเสมอกันดีแล้ว
ก็นำไปวางในแนวนอน จากนั้นก็นำเอาอีกกำมาทำให้เสมอกัน พอรากเสมอกันดีแล้วก็นำกล้าที่วางไว้มามัดรวมกันด้วยตอก ซึ่งตอกจะทำจากไม้ไผ่ ฉันก็ลองทำดูเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้ดีเพราะรากกล้าไม่ค่อยเสมอกัน บางทีมัดเสร็จก็จะบิดๆเบี้ยวๆไม่สวยงาม ดังนั้นพี่สะใภ้จึงให้ฉันเป็นคนถอนอย่างเดียว ซึ่งสมัยนั้นจะไม่มีการทำนาแบบนาหว่าน ถึงหน้านาทีไร พี่ชายก็จะตกกล้าไว้ พออายุครบ1เดือนหรือไม่ถึงเดือน เราก็จะทำการถอนกล้าไปปักดำ

การถอนกล้า
ถ้ามีน้ำขังก็จะต้องให้ระดับน้ำเลยข้อเท้าขึ้นมานิดหน่อยจึงจะถอนง่าย ส่วนการถอนกล้าแห้งก็ต้องปล่อยให้แห้งจริงๆจึงจะสามารถเตะดินที่ติดขึ้นมากับต้นกล้าได้ง่าย สำหรับการถอนกล้าแห้งถ้าเป็นดินทรายจะดีเพราะจะถอนขึ้นง่าย รากไม่ขาด ถ้ารากขาดแถวบ้านฉันจะเรียกว่า"ขาดหัวหล่อน"ซึ่งถ้าเราถอนขึ้นมาแล้วมันขาดหัวหล่อน เราต้องจับตรงรากกล้าให้ปลายของต้นกล้าชี้ลงดินแล้วสั่นให้ต้นที่ขาดหัวหล่อนหลุดออกไป การถอนกล้าแบบแห้งนี้ เราจะต้องรีบมัดแล้วนำไปแช่น้ำไว้ให้น้ำท่วมราก ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้ต้นกล้าเหี่ยว ไม่ต้องถามเลยว่าการถอนกล้าจะเลอะแค่ไหน บางครั้งไม่ทันได้ดูเผลอเตะโคลนใส่กันก็มี เสื้อผ้าส่วนล่างจะเปื้อนโคลนไปหมด ถ้าถอนกล้าแห้งก็จะดีขึ้นมาหน่อยตรงที่ไม่เปื้อน ฉันและพี่สะใภ้จะเป็นคนถอนกล้า ส่วนพี่ชายก็จะนำควายไปไถและคราดจนเสร็จเรียบร้อย พอได้มัดกล้าเยอะพอสมควรแล้ว ฉันและพี่สะใภ้จะช่วยกันหาบกล้าไปปักดำ ซึ่งไม้ที่ใช้หาบ เราจะใช้ไม้ไผ่บ้านเป็นลำยาวๆ ฉันจะนำมีดกล้าไปใส่ไม้หาบข้างละ7-12มัดแล้วแต่มัดกล้าและรากของกล้า ถ้ารากกล้ายาวก็จะเพิ่มความหนักเข้าไปอีก

การเอากล้าใส่ในไม้หาบ
เมื่อถอนกล้าและมัดเสร็จแล้ว ก่อนที่จะใส่ไม้หาบ เราต้องใช้มีดตัดปลายของต้นกล้าออกเสียก่อนเพื่อให้ต้นกล้าคายน้ำ และเวลานำไปใส่ไม้หาบมัดกล้าจะได้ไม่เอียง พอเราเอามีดตัดตรงปลายของต้นกล้าออกแล้ว นำไม้หาบวางราบลงกับพื้น นำมัดกล้ามาคลี่ออกแบ่งเป็นครึ่ง แต่ไม่ได้เอาตอกออกแล้วนำไปวางในไม้หาบ พอวางทั้งสองข้างได้เท่ากันแล้ว เราก็นั่งลงยกหรือจะยืนโก้งโค้งแล้วเอาขึ้นใส่บ่าก็ได้ เสร็จแล้วก็หาบไปปักดำ

การปักดำ
พอจับมัดกล้าขึ้นมา แขนข้างหนึ่งก็จะอุ้มมัดกล้าไว้ ก้มลงแล้วเอาข้อศอกพักไว้ที่หัวเข่าในข้างเดียวกัน
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็จะหยิบเอาต้นกล้า3-5ต้นมาปักดำ โดยมือข้างที่อุ้มมัดกล้าจะต้องคลี่ไว้รอ การปักดำพี่ก็จะสอนให้ปักเป็นลายเฉลียงเหมือนการเล่นหมากรุก เวลาปักดำเสร็จ ไม่ว่าเราจะมองด้านไหน ต้นกล้าก็จะยืนเรียงเป็นตาหมากรุกดูสวยงาม ส่วนระยะห่างระหว่างต้นกล้าก็แล้วแต่ชอบ สำหรับฉันจะปักให้ห่างระหว่างต้นประมาณ5-10นิ้ว การถอนกล้าและการปักดำ ล้วนแล้วแต่ปวดเอวและส่วนต่างๆ ซึ่งลักษณะท่าทางจะก้มๆเงยๆ ดังนั้นเขาจึงเปรียบชาวนา"หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน" ตัวฉันเองก็จะเหนื่อยเฉพาะวันหยุด ซึ่งบางอาทิตย์ก็จะไปทำรายงานกับเพื่อน ฉันจึงใช้เวลาขลุกอยู่กับการเรียนเสียมากกว่า

2018-06-11 22.46.51.jpg

บางครั้งถ้าได้กล้าเยอะพอสมควรแล้ว พี่ชายก็จะให้ไปเลี้ยงควาย เพราะสมัยก่อนใช้ควายไถนา พี่บอกว่าเวลาฉันดำนาทีไร ต้นกล้าจะตั้งไม่ค่อยตรงและเอารากลงลึกเกินไป ทำให้ต้นกล้าเจริญเติบโตช้า ฉันเลยสบายไป

ตอนนั้นจะมีควายหนุ่ม2ตัวคือไอ้จ่อยและไอ้ทอง ถ้ามันคึกคะนองมันน่ากลัวมาก มันจะพากันวิ่งเตลิดเปิดเปิง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ควาย2ตัวนี้เกิดคึกคะนอง ควายไอ้ทองวิ่งออกหน้า ฉันจึงวิ่งตามหลัง ส่วนไอ้จ่อยก็วิ่งตามหลังฉันอีกที พอดีฉันวิ่งไปไม่รู้ว่าเท้าไปสะดุดอะไรเข้า ฉันจึงล้มนอนราบลงกับพื้น ส่วนไอ้จ่อยก็วิ่งมาตามหลัง เดชะบุญ...ที่มันกระโดดข้ามฉันไป ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว...
ฉันคงเจ็บตัวแน่ๆเลย

2018-06-11 22.35.46.jpg

และมีอยู่ครั้งหนึ่งฉันผูกควายไว้ แล้วฉันก็เดินไปยังเถียงนา ช่วงนั้นจะไปท้องไร่ท้องนา สิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือวิทยุ ฉันไม่ได้ปล่อยควายไปเลี้ยงด้วยกันหลายๆคนเหมือนคนอื่น เพราะฉันต้องเรียนต่อ ส่วนเพื่อนๆพอเรียนจบป.6แล้ว เขาก็จะพากันออกมาเลี้ยงควายกัน ดังนั้นวิทยุจึงเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันชอบฟังรายการนิทานพื้นบ้าน ขำขันหรือหัวร่อต่ออายุและอีกหนึ่งรายการที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ"ละครวิทยุ" ตอนนั้นมีอยู่หลายคณะเท่าที่ฉันจำได้ก็จะมีคณะกันตนา คณะนีลิกานนท์ คณะเกศทิพย์และคณะสยาม81 ส่วนคณะที่ชื่นชอบที่สุดก็คือ"คณะสยาม81"ใช่ว่าจะมีแต่ฉันคนเดียวที่ติดละครวิทยุ คนอื่นก็เป็นเหมือนกัน เรียกได้ว่าติดละครกันงอมแงมเลยทีเดียว

2018-06-12 09.34.44.jpg

ฉันจะจดจำช่วงเวลาของละครแต่ละเรื่อง และจดจำว่าแต่ละเรื่องอยู่คลื่นความถี่เท่าไหร่ สำหรับถ่านวิทยุราคาก้อนละประมาณ3-5บาท ต้องประหยัดฟังเพราะเงินทองหายาก ถ้าไม่มีรายการที่ชื่นชอบฉันก็จะปิดไว้ เวลาถ่านหมดไฟมันจะดังค่อยและเสียงก็จะไม่ชัดเจน ฉันต้องใช้หูไปแนบติดกับลำโพง ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้ฟังเป็นพอ ถ้าถ่านวิทยุหมดไฟมันจะพองและแตก ถ้ามันเตือนว่าดังค่อยและไม่ชัดแล้ว ฉันก็จะเอาออกจากกระบอกแล้วนำถ่านไปตากแดด แต่ถ้ามันหมดไฟแล้ว จะนำไปตากแดดนานเท่าไหร่มันก็ไม่มีเสียง ฉันขึ้นไปบนเถียงนาพร้อมกับเอนตัวลงนอน ฉันเปิดเพลงฟังไปด้วย ซึ่งตอนนั้นใกล้เที่ยงพอดี เพลงที่ชอบในสมัยนั้นก็จะมีเพลงของอ๊อด คีรีบูน อ๊อด บรั่นดี ชมพู ฟรุตตี้ แหวน ฐิติมา นราธิป กาญจนวัฒน์ แจ้ ดนุพลและรวมดาวชุด1-3

2018-06-12 09.52.27.jpg

ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอรู้สึกตัวมองหาควาย เจอตัวเดียว ตายละหว่า...
แล้วอีกตัวหายไปไหนล่ะ ฉันลุกขึ้นเอามือขยี้ตาแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นไอ้ทองกำลังกินกล้าอยู่ ฉันจึงส่งเสียงร้องไปแต่ไกลเพื่อให้มันหยุดกินต้นกล้า แต่มันก็ยังคงก้มหน้าก้มตากินโดยไม่ฟังเสียง ด้วยความโมโห ฉันจับได้ไม้ท่อนหนึ่งแล้วขว้างใส่ทันที
ทันทีที่ฉันขว้างท่อนไม้ไปนั้น แขนของฉันก็ยกค้างและเจ็บปวดมาก ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่า"แขนหลุดโบก"ฉันปวดจนต้องร้องไห้ ฉันยืนร้องไห้พร้อมกับแขนที่เงื้อค้างอยู่ สักพักใหญ่ๆ มันจึงหายเป็นปกติ
จากนั้นมาเวลานอนหลับ ฉันจะยกแขนข้างนั้นไว้เหนือศีรษะไม่ได้ เพราะเคยทำดูแล้ว แขนก็จะเป็นเหมือนคราวก่อน มันปวดมาก รอสักระยะหนึ่งมันก็จะกลับคืนมาดังเดิม ฉันเลยนึกถึงคำสุภาษิตที่ว่า"ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว"

เพื่อนๆคะ คำสุภาษิตนี้ช่างสัมผัสได้กับตัวเองเสียจริงๆ เพราะฉะนั้น เพื่อนๆจำเอาบทเรียนจากฉันไว้เตือนใจก็ได้นะคะ เพราะการคิดร้ายกับคนอื่น ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่ฉันประสบมาแล้วก็เป็นได้

สำหรับวันนี้ก็พูดให้เพื่อนๆได้ฟังกันเยอะแล้ว เดี๋ยวจะง่วงนอนเสียก่อนไว้โอกาสหน้าจะมาคุยให้ได้ฟังกันใหม่ ก่อนจากกัน ขอให้เพื่อนๆทุกคนจงมีแต่ความสุข สวัสดีค่ะ

ขอขอบคุณเพื่อนๆที่คอยอัพโหวต คอมเม้นต์และให้การติดตามด้วยดีเสมอมา ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

Thank you for upvote, comment and follow me.

Love you all.

Sort:  

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลที่ดีทำให้นึกถึงคนสมัยก่อนครับว่าลำบากแค่ไหน

ขอบคุณคุณเสกสรรค์มากๆเลยค่ะที่แวะมาอ่านจนจบ

วันนี้มีรูปตอนสาวๆด้วย 😁😁

จ้ะ นาง พอดีค้นหารูปเก่าๆเจอ เกือบขาดแล้วหละ😃😃

ตอนเป็นสาวนี้สวยมากนะค่ะ (งามแท้เจ้า)

ขอบคุณค่ะที่ชม☺☺

คุณป้าสวยตั้งแต่ตอนเป็นสาวๆเลยนะคะ ตอนนี้ก็ยังสวยอยู่นะคะ

ขอบใจจ้ะเหมียว ชมมากไปแล้วจ้ะ😊😊

Coin Marketplace

STEEM 0.30
TRX 0.11
JST 0.033
BTC 64106.00
ETH 3129.71
USDT 1.00
SBD 4.16