OTOP (One Tambon One Product) Thai local products fair in Bangkok
Hello Dlive and Everyone,
Today I would like to take you to OTOP Midyear fair 2018. I went there on the first day of the fair. OTOP is One Tambon (Village) One Product. The concept requires each village to own its own product. It is the product that uses raw materials or resources of the local wisdom to develop into a product that can generate income the community.
OTOP fair that happen twice a year, OTOP midyear and OTOP City (End of year). There are traditional handicrafts, fabric, pottery, fashion accessories, household items, delicious foods and more things. Shoppers really like to go to this fair because there are the good of Thai products and inexpensive from the real local entrepreneurship.
Thank you for watching my video, I hope your will enjoy.
My video is at DLive
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว Steemit
วันก่อนเพื่อนของฉันนัดคุยที่ งาน OTOP Midyear เมืองทองธานี ฉันจึงถือโอกาศเดินเที่ยวงานด้วยเลย จริงๆ ไม่อยากจะเดินเท่าไหร่ เพราะถ้าลองได้เดินดูเล่นๆ หละก็ เป็นต้องเสียเงินทุกครั้งไป ด้วยความที่งานของฉันต้องเกี่ยวข้องกับกลุ่ม OTOP จึงทำให้ฉันมีโอกาสได้เดินงาน OTOP อยู่บ่อยๆ เกือบจะทุกครั้งก็ว่าได้ ซึ่งถ้าคุณเคยเดินงาน OTOP คุณจะรู้ว่า ของดีๆ และราคาไม่แพงมีมากมาย หากเลือกดีๆ ยิ่งปัจจุบันนี้ กลุ่ม OTOP ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอด้วยแล้ว ทำให้ฝีมือหัตถกรรมของไทยนั้น พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยค่ะ
วันนั้นกว่าฉันจะคุยงานกับเพื่อนเสร็จ ก็เย็นมากแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถเดินได้ทั่วทั้งงาน จริงๆ ก็เดินมั่วมากเลยค่ะ เข้าเฉพาะบูธที่น่าสนใจจริงๆ ปกติงาน OTOP ถ้าตั้งใจดูทุกบูธจริงๆ ไม่สามารถดูหมดได้ในหนึ่งวันแน่ๆ ค่ะ ต้องมาสัก 2 วัน พอเดินบ่อยๆ เข้า ฉันและเพื่อนจึงจำเป็นต้องเลือกเข้าเฉพาะร้านที่ชอบจริงๆ เพราะเวลาเรามีไม่มากนัก
OTOP Midyear ครั้งนี้ ฉันว่าจัดค่อนข้างดีกว่าหลายๆ ครั้ง มีการแบ่งไฮไลท์ของงานเป็นจุดๆ แบ่งตามภาคทั้ง 4 ของไทย ตอนฉันเข้าไปเห็น “หนังกางแปลง” จอเล็กของภาคกลาง เป็นอันดับแรก ซึ่งของ ตำบลบ้านใหม่ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา และที่นั่นเป็นบ้านเกิดของ "สรพงษ์ ชาตรี" ดังนั้น ภาพยนตร์ที่นำมาฉาย จึงเป็นเรื่องที่ สรพงษ์ แสดงนำทั้งหมด พร้อมกับโชว์ “โปสเตอร์ภาพยนตร์” ที่ด้านหน้าทำให้ได้บรรยากาศมาก
ซุ้มข้างๆ นำ บัวแดง มาย้อมผ้า และ นำ “กลีบบัวแดง” ที่เหลือมาต้มทำ “น้ำกลีบดอกบัวแดง” ฉันก็พึ่งเคยดื่มครั้งแรก รสชาติดีมากเลยค่ะ
กลุ่มชาวเขาจากภาคเหนือตอนบน ก็มาทอผ้าแบบโดยใช้ “กี่เอว” ให้ชม ซึ่งผ้าที่ทอได้นั้น จะนำมาทำเสื้อหรือกระเป๋าย่ามต่อไป ซุ้มนี้ ด้วยความเพียวของความเป็นหัตถกรรมชาวเขา ทำให้งานออกมาน่าสนใจและสวยมากเลย แต่ราคาสูงนิดหนึ่งนะคะ
การทอแบบ "กี่เอว" คือ ผู้ทอจะต้องนั่งกับพื้น เหยียดขาตรงไปข้างหน้าทั้งสองข้างผูกปลายกี่ไว้กับเสาเรือน หรืออะไรที่เป็นที่ยึดได้ และปลายอีกด้านก็มาผูกเข้ากับเอวของผู้ทอ
ปีนี้ เน้นที่การสาธิตต่างๆ หรือการทำให้ดู ใช้ชิม อย่างเช่น ซุ้มของ "จังหวัดนครราชสีมา" หรือ "โคราช" ก็มาทำหมี่โคราชให้ชิม อร่อยจนต้องซื้อกลับมาทำที่บ้านเลยค่ะ แปลนบูธที่จัดในงานปีนี้ ดูจะเดินง่ายกว่าทุกครั้ง เพราะช่วงไม่เป็นซอยที่ยาวจนเกินไป รวมถึงการจัดบูธแต่ละบูธก็ดูดี ไม่วางของเยอะจนรก กลุ่ม OTOP ที่ฉันไปคุยด้วย แอบบอกว่า คนจัดงานกำชับว่า "อย่าวางของเยอะ ให้วางสวยๆ" ซึ่งได้ผลค่ะ ทำให้ภาพรวมออกมาดูดีเลย วันที่ฉันไปนั้นเป็นวันแรก ซึ่งฉันก็ไม่แน่กับวันหลังๆ ค่ะ
ช่วงนี้ กระแสผ้าไทยกำลังได้รับความนิยมมาก ถ้าใครจะอยากไปเดินเล่นที่งาน แล้วมีผ้าไทย หรือกางเกงที่เย็บจากผ้าไทย ใส่ไปอินเทรนด์ได้เลยค่ะ
น้ำดอกบัวแดงน่าชิมจัง ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ
พึ่งเคยชิมเหมือนกันค่ะ อาจจะหวานเพราะน้ำตาล แต่ก็ได้ฟิวแบบบัวๆ ไทยๆ ดีค่ะ :)
บรรยากาศน่าไปเดินเที่ยวมากๆ ค่ะ ของกินเยอะมาก ขากลับคงจะอิ่มพุงกางออกมาเลย😂
โซนของกินจะอยู่ซ้ายสุดกับขวาสุดของงาน
ขอบอกว่า เลือกไม่ถูก ตอนหิวๆ ก็คิดว่าจะทานให้หมดเลย แต่พอทานได้แค่สองอย่างก็อิ่มแล้วค่ะ
สนุกตรงมีของทุกภาคเลยมาจากจังหวัดนั้นๆ ด้วยสนุกมากค่ะ
หน้าเที่ยวจั่งมีงานแบบนี้ด้วย
อ่ะๆ มีนะ งาน OTOP ของไทย สนุกที่สุดเลย
มีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้นเลยค่ะ
โอ้เคยไปเที่ยวเหมือนกันแต่ไม่ใส่ที่ไทยน่ะ เห็นมาจัดงานotop ที่ลาว เคยไปมาแล้วมีแต่สี่งทีหน้าสนใจทังนั้นเลย
กรี๊ด....สรพงษ์ ชาตรี
คือแบบหล่ออ่ะ เสียงในฟิลม์ด้วยค่ะ