งามด้วยธรรม ต้องงามทั้งกาย วาจา ใจ
สวัสดีครับทุกคน
ขอส่งท้ายกิจกรรม “The true beauty“ หรือ “ความงดงามที่แท้จริง” ด้วยหัวข้อเรื่อง "งามด้วยธรรม ต้องงามทั้งกาย วาจา ใจ" นอกจากนี้ยังได้บุญกุศลด้วยครับ ขอยกพุทธ
พจน์อนิสงค์ครั้งนี้
พุทธพจน์
ถวายทานด้วยสมบัติกองสูงเท่ากับภูเขาพระสุเมรุทั้ง
จักรวาลมารวมกัน ส่วนอีกคนหนึ่ง รับฟังคำสอนไว้
ในใจ อ่าน เรียนรู้ จดจำ แล้วสั่งสอนผู้อื่น
บุญกุศลของชายคนแรกยังไม่มากเท่าหนึ่งใน
ร้อย หนึ่งในพัน หนึ่งในแสน ของบุญกุศลที่ชายคน
ที่สองได้รับ เพราะไม่สามารถจะเปรียบกันได้เลย *”
พระท่านว่า ผู้ใดในโลกนี้ สำรวมทางกาย วาจา และใจ ไม่ทำบาปอะไรๆ และไม่พูดพล่อย เพราะเหตุแห่งตน ท่านเรียกคนอย่างนั้นว่าผู้มีศีล.
ศีล ก็คือความสำรวมระวังในการทำที่ออกไปทางกายและวาจา ในการประกอบอาชีพ ไม่ให้ไปเบียดเบียนกระทบกระทั่งกับคนอื่น ทำให้เกิดความเดือดร้อน หรือไม่ให้เกิดความผิดพลาดในทางกาย ส่วนทางวาจา คือ การพูดติดต่อประสานงานซึ่งกันและกัน ถ้าขาดการระมัดระวังแล้วก็อาจเกิดการผิดพลาดขึ้นได้ จนทำให้พูดเท็จ พูดส่อเสียด เป็นต้น การพูดเท็จหรือโกหกนั้นทำให้ขาดความเชื่อถือจากผู้อื่น แม้ทางจิตใจก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความโลภ คืออยากได้ของของผู้อื่นในทางมิชอบ ความไม่พยาบาทปองร้ายผู้อื่น และไม่เห็นผิดจากคลองธรรม
เพราะฉะนั้น การทำอย่างนี้ ได้ชื่อว่าสำรวมกาย วาจา และใจ อันจะทำให้สามารถห้ามตนจากบาปคือความชั่วทั้งปวงได้ เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีศีล. เป็นผู้งามทั้งกาย วาจา ใจ
--- รูปภาพที่เอามาประกอบเป็นรูป เมื่อครั้งไปปฏิบัติธรรมกรรมฐานวัดป่าชัยรังสี 12-14 / 08 /2554 เป็นเวลา 3 วัน พระท่านว่าผู้ ที่จะงามกาย วาจา ได้นั้นต้องมีคุณธรรม ประจำกาย วาจา ๒ ประการ คือขันติ โสรัจจะ -ขันติ แปลว่า ความอดทน -โสรัจจะ แปลว่า ความสงบเสงี่ยม คุณธรรมอันทำให้งามทั้งกาย วาจา ใจ นี้ มีประโยชน์มาก ถ้าผู้ใดยังไม่มีก็ขอให้สร้างคุณธรรม เหล่านี้ให้เกิดขึ้น กับตนเอง แต่ถ้าผู้ใดที่มีคุณธรรมเหล่านี้แล้ว ก็ขอให้สร้างเสริม ให้มีมากยิ่ง ๆ ขึ้นไป ท่านจะได้ชื่อว่า เป็น ผู้ที่งามทั้งกาย วาจา ใจ
โชคดีมีตังใช้ กล/@kolkamkwan 🙏 12-07-2018
สาธุค่ะ น้องกล 👍
555 สาธุครับพี่เปิ้ล
ยอดเยี่ยมครับ
ขอบคุณมากครับ