บางครั้ง วิธีโบราณก็ให้ผลดีมากกว่าที่คิด
สวัสดีครับผม เอาภาพมะเขือพวงที่มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์อัศดงมาฝากกัน ^^ เป็นมะเขือพวงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ภายในสวนกล้วยอ่ะครับ ^^ เกิดขึ้นเองเป็นสิบๆ ต้น เลย สงสัยนกคาบมา ^^ ว่าแต่ พ่อผมหวงมากเลย เผลอไปตัดเข้าเนี่ย ถูกด่ามากกว่าพลาดไปตัดหน่อกล้วยอีกครับ พ่อผมบอกว่า เก็บเอาไว้ทำแกงเขียวหวาน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
สมัยก่อนเนี่ย ในถ้วยน้ำพริก มะเขือพวงคงจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ^^ แต่ปัจจุบันนี้ หากินตามกับข้าวปกติได้น้อยมาก แต่ก็ยังมีบางถิ่นในไทย ที่ยังมีการใส่มะเขือพวงในถ้วยน้ำพริกอยู่นะครับ ^^
ผมเคยไปออกค่ายอาสาฯ กับน้องๆ นักเรียน นักศึกษา (ทุกคนเรียกผมว่า "พี่" หมดเลย ^^ คือถ้าเรียก "ลุง" มีปล่อยทิ้งไว้กลางป่าแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ) ไปนอนกางเต๊นท์ ไปหาถ่ายภาพ ไปเดินเล่นแถวๆ เขตชายแดนไทย-ลาว ไปในเขตที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง ^^ ซึ่งคนแถวนั้นค่อนข้างมีน้ำใจครับ ส่วนใหญ่ก็จะมีชาวบ้านกับ ตชด. อยู่ร่วมกัน ^^ ชาวบ้านเขาเรียกพวกผมกินข้าว พวกผมก็กลัวจะเสียน้ำใจ เดินเข้าไปอย่างหน้าด้าน ไปนั่งกินกับเขาครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ก็ไม่ได้กินฟรีหรอกครับ ตอบแทนน้ำใจของเขาอยู่ ^^ คือในระแวกนั้นถ้าไม่ขอซื้อข้าวเขากินก็ไม่รู้จะไปหาซื้อกินที่ใหนอ่ะครับ
ที่นั่นยังมีแจ่ว(ภาษาอิสาน แปลว่า น้ำพริก) ใส่มะเขือพวง ป่นปลาใส่มะเขืออยู่เลยครับ ^^ ซึ่งทุกวันนี้ ไอ้การจะได้กินมะเขือพวงสักที ถ้าไม่สั่งน้ำพริกกะปิหรือแกง อย่างแกงเขียวหวานกับพะแนง ก็ไม่ได้กินครับ ^^
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไปออกค่ายอาสา ผมไปเห็นชาวบ้านเขาจุดกองไฟขึ้นที่ข้างคอกวัวคอกควาย ในช่วงใกล้ค่ำ ^^ ตอนแรกก็ตกใจนะ วัวควายราคาตัวละครึ่งแสน จะล้มตอบแทนให้กับค่ายอาสาเล็กๆ น้อยๆ เลยรึนี่ ^^ แต่นั่งรออยู่นานมาก วัวควายก็ยังไม่ตายสักตัว ^^ สุดท้ายก็เลยได้ถามชาวบ้านเขา ว่าจุดไฟข้างคอกวัวทำไม จะรมควันวัวควายรึ? ทำไมไม่ทุบหัวมันเลยละ จะได้กินกันแกล้มเหล้าต้มไวๆ ^^
ด้วยความที่เราไม่รู้จริงๆ หน้าแตกไปครับ ปริญญาบัตรปัดความโง่ที่แปะหน้าออกไปไม่ได้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ชาวบ้านบอกว่า เขาไม่ได้คิดจะล้มวัวควายให้เรากินซะหน่อย เขาแค่จุดไฟให้มีควัน ไล่ยุงให้วัวควาย ส่วนพวกผมยี่สิบกว่าคนอ่ะ กินเป็ดสามตัวก็เหลือแล้ว (ก็จริงของเขาครับ เป็ดสามตัวใหญ่ๆ เนี่ย เลี้ยงคนได้ทั้งหมู่บ้านเลย เนื้อเอาไปลาบเผ็ดๆ แซบๆ ส่วนกระดูกเอาไปต้มซุป เหลือได้เป็นมื้อเช้าของพวกผมเลย ^^)
ชาวบ้านบอกว่า ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ที่บรรพบุรุษเขาพากันจุดไฟไล่ยุงให้วัวควาย ^^
ไอ้ผมก็ไม่เคยคิดเลยนะว่า ผมจะเอาวิธีที่เขาใช้กับวัวควาย มาใช้กับตัวเองเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ^^ ฟ้าหลังฝนที่สวนกล้วยเนี่ย "ยุงเยอะมาก" ^^
ก็เอาควันไล่ยุงด้วย เอาน้ำร้อนไว้กินแก้หนาวด้วย อิอิอิ ก่อไฟทั้งทีต้องเอาให้คุ้มเลย ^^
พรุ่งนี้ผมอาจจะได้เขียนโพสต์หรืออาจจะไม่ได้เขียนนะครับ ^^ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืด อาบน้ำแล้วขับรถฮ้างๆ เดินทางออกจากวังน้ำเขียว ผ่านเส้นทางหลวงชนบท นม.3052 ไปรับพ่อผมอยู่ที่ หินกอง สระบุรี จากนั้นก็จะเดินทางไปจัดการธุระเรื่องสวนที่เพชรบุรีต่อเลยอ่ะครับ ^^ จะได้พักก็ช่วงค่ำๆ แต่ไม่รู้ว่าจะมีแรงเขียนโพสต์สนุกๆ ให้ได้ติดตามกันรึเปล่า ^^
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามกันนะครับผม ^^ ไม่ได้ลงท้ายด้วยคำขอบคุณมานานมากเลย ^^
วิธีไล่ยุงที่คลาสสิคและได้ผลดีครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ
เหลือแต่จะเอาน้ำมันก๊าซมาทาตัวครับพี่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ^^ ขอบคุณครับผม ไม่มั่นใจเลยว่า จะมีโอกาศแวะเก็บภาพข้างทางรึเปล่า เพราะเขาว่าถนนเส้นนี้สวยระดับตำนานเลยครับ ^^
อ่านแล้วสนุกดีค่ะ
ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณครับผม นำไปใช้ได้นะครับ ไม่หวง อิอิ
ชื่นชมคุณก๊งค่ะ สามารถนำทุกเรื่องมาเขียนโพสต์ได้หมด แถมไม่น่าเบื่อด้วย
เดี๋ยวเล่าเรื่องหนูเต็มบ้านให้อ่านครับ น่าเบื่อมาก น่าวางยาเบื่อหนูมากครับ อิอิ
นี่ไง เรียกลุงก๊งไม่ได้เฉ้ย สงสารน้องๆนะคะ 5555
#ยังไม่หยุดแซวจะโดนจุดไฟไล่แทนยุงแล้วมั้งแอน 😂
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ มันเป็นกฏที่น้องๆ ต้องให้เกียรติรุ่นพี่ครับ อิอิ
หัวคิดดีค่ะ จุดไฟไล่ยุงแทนควาย 👍👍😄😄
ก็ควายไล่เองไม่ได้นี่จ๊ะ อิอิ
อันนี้ต้องระวังปอดนิดนึงนะครับ😂😂
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุณครับ แต่สำหรับผมนี่ ควันแค่นี้คงจะเป็นอันตรายน้อยกว่า LM แดงซองเล็กอ่ะครับ ^^
555+
ผมเคยเห็นบางบ้านเขา กางเป็นมุ้ง กั้นมุ้งลวดกันยุงให้ควายเลยนะครับ แต่คนนอนตากยุง
มัน่าลงทุนครับ ^^ ขายควายตัวนึง ซื้อมอไซค์ได้เลย อิอิ
ภาพสวยมากเลยค่ะคุณก๊ง😊