Overweight children are highly risk for health จริงหรือที่บอกว่าเด็กอ้วนน่ารัก

ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวในช่วงวันแม่ ใครอยู่ต่างจังหวัดก็เห็นคนกลับบ้านกันขวักไขว่ บางคนมีครอบครัวก็พาลูกมาเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ เป็นเรื่องที่ได้เห็นแล้วอบอุ่นใจ ใครมีลูกน่ารัก อ้วนจ้ำม่ำนะ บอกเลยว่ามีแต่พี่ ป้านาอามารุมทึ้ง เพราะเกิดอาการหมั่นเขี้ยว อยากเข้าไปฟัดเข้าไปกอดแบบอดไม่ได้ แต่ความน่ารักแบบนั้นอาจจะแผงไปด้วยโรคร้ายที่จ้องทำลายสุขภาพและอาจจะสร้างปัญหาและเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่

ผศ. พญ.หทัยกาญจน์ นิมิตพงษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม โรงพยาบาลรามาธิบดี เคยออกมาแถลงข่าวและให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยมีอัตราการการเป็นโรคอ้วนของเด็กเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีเด็กอายุก่อนวัยเรียนเป็นโรคอ้วนถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เด็กอายุ 3 – 13 ปีอ้วนเพิ่มขึ้น 15.5 เปอร์เซ็นต์ เด็กที่เป็นโรคอ้วนอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และแน่นอนว่าเด็กที่เป็นโรคอ้วนจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์

พอเด็กเป็นโรคอ้วน และน้ำหนักตัวและรูปร่างใหญ่โตกว่าเด็กทั่วไป ส่งผลต่อการสร้างระบบต้านทานการอักเสบลดลง ร่างกายสามารถเกิดอาการอักเสบได้ง่าย เส้นเลือดตีบตัน มีอาการดื้ออินซูลิน และมีโรคอื่นๆ ตามมา ซึ่งพอจะรวบรวมผลเสียของโรคอ้วนในเด็กดังนี้ เกิดปัญหาในระบบกระดูกและข้อ ขาโก่ง ปวดหลังเดินไม่ตรงปวดข้ออักเสบ เกิดโรคหัวใจ และอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หรือโรคระบบทางเดินทางการหายใจ โรคทางเดินอาหารและตับ เช่นไขมันพอกตับ โรคต่อมไร้ท่อและระบบเผาผลาญพลังงาน เช่นโรคเบาหวานแบบที่สอง มีภาวะอ้วนลงพุง เกิดโรคไยมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่สอง ความจำเสื่อม โรคมะเร็ง และโรคถุงน้ำในรังไข่ มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ขาหนีบ รักแร้ ผื่นคันใต้ร่มผ้า และเชื้อรา ส่งผลกระทบต่อด้านจิตใจและสังคม เช่น ซึมเศร้า เศร้าเครียดและไม่กล้าแสดงออก มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งสูง และถ้าไม่เสียชีวิตด้วยโรคต่างและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วน

บางทีการมีลูกมีหลาน น่าตาน่ารักอ้วน จ้ำม่ำ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอีกต่อไป อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อปรึกษาและหาวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต