ภัยเงียบใกล้ตัว "โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น" (Obstructive Sleep Apnea: OSA)
สวัสดีคะ เพื่อน ๆ ชาว Steemian ที่น่ารักทุกท่าน
วันนี้จะมาคุยเรื่อง "โรคนอนหยุดหายใจชนิดอุดกั้น" (Obstructive Sleep Apnea: OSA)
ภัยใกล้ตัวที่เราคาดไม่ถึง เมื่อวันเสาร์ได้รับข่าวจากพี่ชายว่าต้องเข้ารับการผ่าตัด (ผ่าตัดเล็ก)
ที่ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะเป็นได้
เลยอยากจะให้เพื่อน ๆ สังเกตคนใกล้ตัวเราว่าจะเป็นโรคนี้กันหรือไม่ จะได้รักษาทันก่อนจะสายเกินไป...
"โรคนอนหยุดหายใจชนิดอุดกั้น" (Obstructive Sleep Apnea: OSA) คืออะไร
ในขณะที่เรานอนหลับ กล้ามเนื้อที่คอยทำหน้าที่ตึงตัวและช่วยขยายทางเดินหายใจในช่องคอจะหย่อนตัวลง ซึ่งภาวะนี้เองทำให้ทางเดินหายใจแคบลง แต่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในเด็กหรือคนทั่วไป แต่ในผู้ป่วย OSA ทางเดินหายใจจะตีบแคบลงมาก ทำให้การหายใจลำบากขึ้น สมองจะรับรู้ภาวะนี้และสั่งการให้เพิ่มแรงในการหายใจ สิ่งนี้จะกระตุ้นให้สมองตื่นเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อช่องคอกลับมาตึงตัวและเปิดทางเดินหายใจอีกครั้ง ซึ่งวงจรเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ นับสิบหรือถึงร้อยครั้งในแต่ละคืน ทำให้รบกวนการนอนหลับและส่งผลให้สมองไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอขณะนอนหลับ
เมื่อไรที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นโรค OSA
- เสียงกรนที่ดังแม้กระทั่งปิดประตูยังได้ยิน
- ลักษณะของการกรนแล้วหยุดเป็นพักๆ ตามด้วยเหมือนอาการสำลักขณะนอนหลับ
หรือมีผู้สังเกตเห็นว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ - ภาวะง่วงนอนผิดปกติ เช่น ขณะทำงานหรือหลับในขณะขับรถ
- ไม่มีสมาธิ ขี้ลืม
- ปวดศีรษะหลังตื่นนอนตอนเช้า
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
- ความรู้สึกทางเพศลดลง
โรค OSA หากไม่รักษาจะเกิดผลเสียอย่างไร
- ภาวะง่วงนอนผิดปกติ เช่น ขณะทำงานหรือหลับในขณะขับรถ
ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานที่ต้องใช้สมาธิหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนได้ - เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน
โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน โรคซึมเศร้า และโรคอื่นๆ ตามมาได้
โรค OSA มีแนวทางการวินิจฉัยและรักษาอย่างไรบ้าง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะซักถามอาการต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น และอาจพิจารณาส่งตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) จำนวน 1-2 ครั้ง เพื่อประเมินว่าหากมีโรค OSA จริง จะมีความรุนแรงของโรคอยู่ในระดับใด (น้อย ปานกลาง รุนแรง) เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ผู้ป่วยต่อไป
แนวทางการรักษาผู้ป่วย OSA แบ่งเป็น
การรักษาเฉพาะโรค:
1. การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (Positive Airway Pressure: PAP) ปัจจุบันถือว่าเป็นการรักษาหลักและเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก
2. การใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม เหมาะสำหรับกลุ่มที่รุนแรงน้อยหรือรุนแรงปานกลาง
3. การผ่าตัดแก้ไขทางเดินหายใจในส่วนต่างๆที่มีภาวะตีบแคบ เช่น การผ่าตัดต่อมทอลซิล
(โดยเฉพาะในเด็ก) การผ่าตัดแก้ไขผนังกั้นจมูกคด/เพดานอ่อน/กระดูกกราม โดยผลของการผ่าตัดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
การให้คำแนะนำทั่วไป:
ได้แก่ การลดน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และบุหรี่ ยานอนหลับต่างๆ การนอนตะแคง สิ่งเหล่านี้เป็นการรักษาเสริม เพื่อช่วยให้การรักษาผู้ป่วย OSA ได้ผลมากขึ้น
ตอนนี้พี่ชายเราออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วค่ะ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี
นอนโรงพยาบาลแค่ 3-4 วัน (ถ้าแผลผ่าตัดดีก็ออกไวค่ะ) เท่านั้นค่ะ
1-2 วันแรกอาจยังพูดไม่ได้เพราะเจ็บคอ หลังจากนั้นก็พูดได้ตามปกติแต่พูดเสียงดังไม่ได้...
Congratulations @chutima! You have completed some achievement on Steemit and have been rewarded with new badge(s) :
Award for the number of upvotes
Click on any badge to view your own Board of Honor on SteemitBoard.
To support your work, I also upvoted your post!
For more information about SteemitBoard, click here
If you no longer want to receive notifications, reply to this comment with the word
STOP