เรื่อง “ความเชื่อ” ของคนญี่ปุ่น #01 เกี่ยวกับการไปเยี่ยมผู้ป่วย
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว Steemit
เราทราบกันดีกว่า คนไทยนั้นมีความเชื่อมากมายที่ผู้ใหญ่มักบอกเด็กๆ ต่อกันมาเป็นทอดๆ เช่น “ผู้หญิงห้ามร้องเพลงในครัว จะทำให้ได้สามีแก่” หรือ “ห้ามตัดผม ตัดเล็บวันพุธ” ความเชื่อของคนโบราณต่างๆ นั้น ไม่ได้เขียนขึ้นมาเล่นๆ เป็นแน่ อาจจะเพราะความไม่เหมาะสม หรือกุศโลบายต่างๆ เพื่อเตือนให้คนที่ไม่รู้ได้ฉุกคิด หรือตรึกตรองก่อนจะทำสิ่งนั้นๆ และยังมีอีกหลายความเชื่อ
แต่มีความเชื่อหนึ่ง คือ “ห้ามใส่เสื้อสีดำไปเยี่ยมคนป่วย” เพราะสีดำเป็นสีของงานศพ ซึ่งคนป่วยนั้น เป็นคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงและสภาพจิตใจไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้น หากผู้ไปเยี่ยมใส่เสื้อสีดำไปเยี่ยม จะเหมือนเป็นการทำให้คนป่วยใจคอไม่ดีขึ้นไปอีก หรือ ผู้ใหญ่บางคนว่า เหมือนเป็น การแช่ง ผู้ป่วยคนนั้นกลายๆ
คนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่อง “การไปเยี่ยมคนป่วย” เช่นกันค่ะ คือ เมื่อไปเยี่ยมคนป่วยที่ญี่ปุ่นนั้น คุณสามารถให้ดอกไม้ที่เป็นช่อได้ แต่ “ไม่ควรให้ดอกไม้ที่ยังอยู่บนต้นไม้เล็กๆ และปลูกอยู่ในกระถาง” ควรหลีกเลี่ยงเป็นที่สุด เพราะต้นพืชนั้นจะมี “ราก” และคำว่า "หยั่งราก" ในภาษาญี่ปุ่นคือ 「根付く」 อ่านว่า 'Nedzuku' ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า 「 寝付く」 'Netsuku' ที่แปลว่า "การหลับไหล" จึงเชื่อว่า ผู้ไปเยี่ยมเหมือนเป็นการส่งให้คนป่วยนอนหลับแบบไม่ตื่นขึ้นมาอีก เรื่องนี้ถือว่าสำคัญที่สุดเพราะดูไม่ค่อยเป็นเรื่องมงคลสักเท่าไหร่นัก
ไม่เพียงแต่ เรื่องความเป็นมงคลเท่านั้น หากคุณให้ช่อดอกไม้ที่ดูดี แต่ต้องมีการเปลี่ยนน้ำทุกวัน นั่นจะเป็นการทำความลำบากให้ผู้ป่วยหรือผู้เฝ้าไข้ได้ จึงขอแนะนำให้เลือกช่อดอกไม้ที่เก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่รบกวนผู้รับค่ะ
ควรใส่ใจกับสีสันของดอกไม้
เมื่อเลือกดอกไม้ คุณต้องระมัดระวังเรื่องสีของดอกไม้ด้วย ดอกไม้ "สีขาว", "สีม่วง" และ "สีฟ้า" นั้น มักถูกเลือกให้ใช้กับงานที่เกี่ยวกับความเสียใจ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง แต่หากนำมาจัดผสมกับช่อใหญ่ ด้วยจำนวนเล็กน้อย และสีไม่เด่นมาก นั่นสามารถทำได้ค่ะ
การจัดช่อดอกไม้ด้วยสีโทนเย็นทั้งหมด จะทำให้บรรยาการดูโศกเศร้า ไม่สร้างความร่าเริง จึงควรเลือกดอกไม้ที่มีสีสดใส เพื่อดึงความรู้สึกผู้ป่วยออกจากบรรยากาศของโรงพยาบาล เช่น สีเหลือง หรือ สีส้ม แต่หากผู้ป่วยชอบดอกไม้ที่เป็นสีโทนเย็น คุณอาจเขียนใส่ในการ์ดเล็กๆ ว่า "ฉันรู้ว่ามันไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะ นี่เป็นดอกไม้ที่คุณชื่นชอบ ... "
ควรใส่ใจกับกลิ่นของดอกไม้
กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นสิ่งที่ชวนให้อารมณ์ดีได้ แต่ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมแรงเกินไป จะไม่เหมาะสำหรับการนำไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล ดอกลิลลี่ เป็นตัวอย่างของดอกไม้ที่มีความหอมที่ไม่แรงมาก เมื่อคุณไปที่ร้านดอกไม้ จะล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ต่างๆ จึงอาจทำให้ไม่รู้สึกว่ากลิ่นดอกไม้เหล่านั้นแรงเกินไปหรือไม่ หากคุณไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นของดอกไม้ คุณควรขอคำแนะนำจากพนักงานขายค่ะ
ตัวอย่างดอกไม้ที่คุณควรหลีกเลี่ยง
ตัวอย่างดอกไม้ที่คุณควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ Cyclamen, ไฮเดรนเจีย (Hydrangea), Camellia, ทิวลิป (Tulip) และ เบญจมาศ (Chrysanthemum Cyclamen) เพราะมีความหมายของชื่อไปในเชิงลบ เช่น เกี่ยวกับ "ความตาย" หรือ "ความเจ็บปวด" เช่น ดอกทิวลิป ดอกมักคอตก ดูเป็นความหมายที่ไม่ดีนัก จึงควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากนี้ ดอกเบญจมาศ มักเป็นดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งในงานศพ จึงถือเป็นดอกไม้ต้องห้ามอย่างยิ่ง สำหรับการนำไปเยี่ยมคนป่วย ดอกไม้แต่ละชนิดมีความหมายที่แตกต่างกันไป ควรเลือกอย่างระมัดระวัง
การแนะนำเกี่ยวกับชนิดของดอกไม้ที่ต้องห้ามเหล่านี้ เพื่อเป็นหลีกเลี่ยงการนำไปเป็นของขวัญสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาล และรวมถึงงานมงคลต่างๆ ด้วย เพราะดอกไม้มีผลต่อการได้รับการเยียวยาและเป็นพลังในด้านบวก เพียงแค่การได้มองดู ดังนั้น การให้ดอกไม้เป็นของขวัญด้วยการรักษามารยาทที่เหมาะสม ก็จะส่งเสริมด้านความรู้สึกให้กับผู้ที่ได้รับ คุณอาจจะเพิ่มการ์ดข้อความที่เขียนความรู้สึกของคุณแนบไปด้วยจะยิ่งช่วยให้ดีขึ้นได้อีกค่ะ
คนญี่ปุ่นเค้าใส่ใจในรายละเอียดดีนะคะ ได้ความรู้หลายอย่างเลย จริงๆ ก็เป็นความเชื่อที่สามารถนำมาใช้ได้กับคนทุกประเทศเลยนะคะ
ใช่ค่ะ ข้ออื่นที่ไม่ใช่เรื่องคำพ้องเสียง ตามความหมายก็ใช้ได้กับทุกประเทศ เช่นกัน
คนญี่ปุ่นจะค่อนข้างคิดถึงเรื่องความรู้สึก แบบค่อนข้างละเอียด แต่เรื่อง "ราก" ค่อนข้างเน้นเลยค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ใหม่ๆค่ะ ไม่เคยรูมาก่อนเลย
เห็นมาหลายปีแล้วเหมือนกันค่ะ บางครั้งก็เห็นคนถือเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆแบบทันสมัยไปเยี่ยมคนป่วย ซึ่งเป็นของเยี่ยมแบบสมัยใหม่ในเมืองไทย แต่หากไปที่ญี่ปุ่น สิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้ามเลยค่ะ
ด้วยความที่ เป็นเรื่องของตัวอักษรและคำพ้องเสียงของภาษาญี่ปุ่น เราคนไทยจึงไม่ทราบกันน่ะค่ะ
เป็นความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์มากๆค่ะ
ขอบคุณนะคะที่แวะมา :)
แต่ละประเทศก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป.... เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม...ไม่งั้นไปทำผิดๆเป็นเรื่องแน่ๆ
แต่บางทีมันก็ยากเหมือนกันนะคะที่จะรู้ ถ้าไม่มีคนรู้จักอยู่ในประเทศนั้น