สติคำเพียงคำเดียว ที่จะพาเราผ่านเรื่องต่างๆ ได้

เช้าวันนี้ผมกับแฟนตื่นขึ้นมาแบบเวียนหัว และปวดหัวตุบๆกัน ทำไมหรอครับ ก็เจ้าลูกชาย เล่นนอนเกือบตี 3 ครับแล้วผมต้องตื่นตี 5 เมื่อคืนกว่าจะได้นอนคงชั่วโมงเดียว เพราะเจ้าตัวเล็กกว่าจะนอนตี 3 ก็จริง แต่คนใหญ่ก็ใช่ว่าจะหลับได้เลยกว่าจะหลับก็เกือบๆ ตี 4 ซึ่งก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ ก็มีเหนื่อยมัง ล้ามัง ท้อมัง เป็นธรรมดาของมนุษย์ แต่แค่ได้เห็นใบหน้าของลูกชายที่นอนกรนเสียงดัง(ตัวเล็กนิดเดียวนอนกรนเหมือนผู้ใหญ่) แค่นี้ความเหนื่อยทุกอย่างก็หายไปหมดคงเหลือแต่รอยยิ้มที่สดชื่นแจ่มใส ประกอบกับเช้านี้พอตื่นขึ้นทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ แปรงฟันเสร็จ พอมีเวลามานั่งอ่านโพสต์ของเพื่อนๆ โดยเฉพาะโพสต์คุณเปิ้ล @patinya103 ซึ่งแฝงไปด้วยธรรมมะและแง่คิด ทำให้ผมหยุดคิดและจิตพร้อมสติกับมาสงบอีกครั้ง คุณเปิ้ลมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายผม ไม่ซิเข้มแข็ง และมีสติมากกว่าครับ และให้กำลังใจและคำปรึกษาที่ดีหลายเรื่องในเรื่องครอบครัวกับผม ผมขอขอบคุณในกัลยาณมิตรจากใจจริงครับ และขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่คอยให้กำลังใจในยามที่ผมท้อ หรือยามที่ผมเสียใจตอนที่พ่อผมเสีย ทุกอย่างมันช่วยได้ครับ และช่วยได้จริงๆ ครับ....

:::: เกริ่นมาแล้วขอย้อนกลับมาหน่อยครับ ตรงโพสต์คุณเปิ้ล @patinya103 เรื่องพวกเครื่องของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์ ในความคิดของผม ขออนุญาติแชร์ความคิดเห็นต่อจากคุณเปิ้ลนะครับ สิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เชื่อได้ ศรัทธาได้ มันไม่มีอะไรถูกหรือผิด แต่ขอแค่เอาไว้ให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจแบบมีสติ ไม่เชื่อจนงมงายจนขาดสติ จนถึงขนาดไม่ทำอะไรเลย หรือบางคนขายข้าวขายของ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้นๆ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แระครับว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จริงๆครับ และสติของแต่ละคนช่วยได้จริงๆ....

หรืออย่างโพสต์คุณตุ๊กตา @tookta เรื่องฝันรางบอกเหตุ ถ้าเป็นคนที่ขาดสติยับยั้งชั่งใจ เจอเรื่องแบบคุณตุ๊กตาก็อาจไม่สมารถผ่านเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นไปได้ด้วยดี บางคนถึงกลับกลัวจนขาดสติไม่กล้าทำอะไรเลย แล้วหันไปพึ่งแต่แต่เครื่องรางของขลังก็มีครับ เรื่อราวต่างๆ ที่คุณตุ๊กตาเอามาโพสต์เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการใช้สติครับ....

:::: ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผลของตัวเองทั้งนั้น แม้แต่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านก็ทรงสอนให้มนุษย์ทุกคนคิดตามอย่างใช้สติปัญญา อย่างมีเหตุผล อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ผมไม่ขอลงรายละเอียดนะครับ ไม่ได้สอนให้งมงาย แต่สอนแบบมีเหตุเหมือนหลักวิทยาศาสตร์ (การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน การตรวจสอบสมมติฐาน การวิเคราะห์ข้อมูล การสรุปผล) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไรแก้ไขได้เสนอขอเพียงให้คำว่าสติเท่านั้น เคยได้ยินไหมครับเรื่องง่ายๆแต่พอขาดสติกลับทำอะไรไม่ถูกและกลายเป็นเรื่องยากไป เพราะเวลาคนเราขาดสติ ก็จะขาดเหตุและผลตาม พอไม่มีเหตุผล ก็ไม่สามารถหาแนวทางดับทุกข์ได้ พอไม่มีแนวทางก็ปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง จนต้องแบกความทุกข์นั้นไว้ตลอดเวลา....

ทีนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วว่าจะปฏิบัติตนเป็นบัวแบบไหนอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบไว้ บัวก้นบึง บัวใต้น้ำ บัวปริ่นน้ำ หรือบัวพ้นน้ำ ให้ดำเนินไปอย่างมีความสุขในชีวิต สำหรับส่วนตัวผมนั้น ผมขอใช่หลักคำสอนของพระพุทธองค์ควบคู่กับสติของตัวเอง แล้วก็ครอบครัวผมในการการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ยึดหลักทางสายกลาง ไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไปในชีวิตครับ

สำหรับวันนี้ขอจบโพสต์แต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคน ที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ และขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ตลอดจนมิตรภาพที่มีให้กันเสมอมาครับ