Countryside Lifestyle Photography Contest #1 วิถีชาวนาชนบท

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน ห่างหายจากการเขียนบล็อกไปนานพอสมควรเลยค่ะ แต่ว่าก็ยังเข้ามากดโหวตให้เพื่อนๆ ทุกวันไม่เคยขาดเลยนะคะ ข้ออ้างที่ใช้ได้ตลอดคือไม่มีเวลา และอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่รู้จะเขียนอะไรดี พอดีเห็นมีการประกวดภาพถ่ายวิถีชีวิตชนบท คือเราอยู่ชนบนและมีอาชีพทำนา คือมันตรงกับหัวข้อโจทย์ที่ให้มามากๆ พี่สาวก็โทรมาย้ำแล้วย้ำอีกเขียนบ้างนะ ไม่ได้เขียนนานแล้ว เอาซะหน่อยไหนๆ ชีวิตไลฟ์สไตล์มันก็ตรงกับคอนเซปต์นี้อยู่แล้ว ถ้าไม่เข้าร่วมกิจกรรมเสียของหมด

วันนี้จะพาเพื่อนๆ มารู้จักวิถีชาวนาแบบบ้านๆ กันค่ะ ซึ่งเป็นภาพเก่าเมื่อกลางปีที่แล้ว ที่บ้านเราทำนานได้ตลอดทั้งปี เพราะอยู่ใกล้เขื่อน แต่ปีนี้ช่วงเดือนมีนาคมทางเจ้าหน้าที่ปิดน้ำ ด้วยกลัวว่าหน้าแล้งจะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ เราจะพาไปดูการซ่อมข้าวปลูก เนื่องจากทำการหว่านข้าวไปแล้วฝนก็ตกไม่หยุด ตกยังกับฟ้ารั่ว ช่วงไหนเป็นที่ลุ่มน้ำท่วมเต็มที่นา ทำให้ข้าวที่หว่านไปแล้วงอกไม่ดีไม่สม่ำเสมอ แถมยังมีหอยเชอร์รี่ที่คอยเลียเมล็ดข้าวที่หว่าน ทำให้ข้าวไม่สามารถงอกได้ตามเป้าหมาย แก้ปัญหาโดยการไปซื้อกล้าถาดที่เขาปลูกกล้าขายมาซ่อม ราคากล้าถาดละ 15 บาท

ก่อนที่จะมาซ่อมกล้า เราได้ปล่อยน้ำออกจากนาเกือบหมด เหลือเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะได้หล่อเลี้ยงต้นข้าวไม่ให้แห้งตายถ้าฝนขาดช่วง แต่ส่วนมากแล้วเวลาที่เราต้องการน้ำฝนก็จะไม่ตก แต่เวลาที่เราไม่ต้องการก็ตกมันได้ทั้งวี่ทั้งวัน ตกแบบไม่เกรงใจชาวนากันเลยทีเดียว กลับมาต่อที่การซ่อมกล้าดีกว่าค่ะ เราก็จะฉีกต้นกล้าที่ติดกันบนถาดประมาณ 5-6 ต้น แล้วใช้นิ้วโป้งมือกดกล้าลงไปในดิน ทำแบบนี้ตรงที่กล้าไม่ขึ้น วันนี้ทั้งวันซ่อมข้าวได้ทั้งหมด 25 ถาด

กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ก้มๆ เงยๆ ทั้งวัน ช่วงแรกๆ ที่ตัดสินใจมาทำนาก็พาลจะเวียนหัวหน้ามืดจะเป็นลมเอาเหมือนกัน แต่ทำมาได้สักระยะก็เริ่มอยู่ตัวค่ะ การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และท้องทุ่งนา ได้มองดูการเจริญเติบโต จนถึงข้าวกำลังตั้งท้อง และออกรวงเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งนา มันมีความสุขและภูมิใจมาก เหมือนชีวิตมันมีอิสระและเสรีมากๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด ตกค่ำก็กลับบ้านหุงหาอาหาร ได้รับประทานอาหารพร้อมหน้าครอบครัว แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับชีวิตชาวนา สำหรับวันนี้ขอบคุณสำหรับการติดตามและให้กำลังใจค่ะ