ทฤษฎีการผลิตภาพยนตร์ ตอน 2

ถึงเพื่อนๆชาวไทย steemians ที่รัก

วันนี้เป็นตอนที่สองของเทคนิคและทฤษฎีการผลิตภาพยนตร์ ก่อนเข้าเรื่อง @alexwonderful ได้ถามคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ผมลืมพูดถึงในโพสต์ที่แล้วของผม นั่นก็คือความจริงที่ว่าสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือเรื่องราวในหนังสือ ต่างก็ยึดกฎ 3 องก์ด้วยกันทั้งสิ้น

หลังจากที่ได้เล่าเกี่ยวกับโครงสร้างของเรื่องแล้ว ตอนนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะวางแผนอย่างไร และจะลงลึกถึงพลังสร้างสรรค์ของคุณได้อย่างไร

1 - ไอเดีย

ในทุกวันพวกเรามีไอเดียมากมายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ บางทีพวกคุณบางคนอาจคิดว่า “ฉันมีไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากมันน่าจะเป็นหนังที่ดีมากแน่ๆ” และหลายๆครั้งพวกคุณอาจลืมไปเลยว่าไอเดียเหล่านั้นยอดเยี่ยมแค่ไหนเพราะมีไอเดียอื่นๆ ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อวันเวลาผ่านไป ในฐานะของคนทำงานสร้างสรรค์ ผมบอกพวกคุณได้เลยว่าไอเดียไม่สามารถมาได้ตามสั่ง ต่อให้โปรดิวเซอร์จากฮอลลีวู้ดเอาเงินมากองให้คุณล้านดอลล่าร์เพื่อให้คุณคิดสร้างสรรค์ผลงานที่ดีภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมพนันได้เลยว่าไอเดียของคุณก็ไม่มาเพราะเงินจำนวนนั้น เพราะที่จริงแล้วงานสร้างสรรค์ที่ดีต้องผ่านกระบวนการคิดและทำจนเป็นนิสัยจึงจะได้มา สิ่งที่ผมแนะนำได้ก็คือไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าคุณมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับเนื้อหาวิดีโอหรือสำหรับการเขียนโพสต์ ให้คุณเขียนหรือจดมันออกมาใส่สมุดโน้ตพิเศษ, คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่โทรศัพท์ ทำให้เป็นนิสัยไม่ว่าคิดอะไรดีๆ ออกก็จดเอาไว้ให้หมด จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมบอกได้เลยว่าไอเดียที่ดีที่สุดมักจะมาในช่วงเวลาแปลกๆ เช่นบนรถเมล์ บนมอเตอร์ไซค์ ระหว่างรับประทานอาหารเย็น แต่สำหรับผมมักจะมีไอเดียก่อนนอนหรือในตอนกลางคืนที่ผมนอนไม่หลับ แล้วคุณจะแปลกใจในสิ่งที่คุณจะได้รับถ้าหากคุณจดไอเดียของคุณเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ

2 - การเขียน

ตอนนี้คุณมีไอเดียที่จดไว้บนสมุดโน้ตแล้ว ให้คุณเลือกอันที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดในการนำมาเขียน ทุกครั้งก่อนเขียน (หรือก่อนวางแผนการทำวิดีโอสั้น) คุณควรมีไอเดียในหัวแล้วว่าวิดีโอของคุณจะออกมาเป็นแบบไหน ทำตัวให้สบายๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการเขียนหรือออกแบบแต่ละช็อตและมันจะปรากฏอยู่ในวิดีโออย่างไร ผมจะให้เคล็ดลับที่ดีที่ผมใช้แล้วได้ผลเสมอกับคุณ ในระหว่างที่ผมวางแผนการถ่ายทำ ผมจะมีไอเดียของมู้ดหรืออารมณ์ของวิดีโอเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมพัฒนาต่อยอดไอเดียให้ไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นคือการฟังดนตรีหรือเพลงที่ผมจะใช้กับการถ่ายทำ แต่หากว่ายังไม่มีดนตรีหรือเพลงที่เสร็จสมบูรณ์ ก็ฟังดนตรีที่เหมาะกับมู้ดหรืออารมณ์โดยรวมที่เราต้องการให้คนดูรู้สึกเมื่อดูวิดีโอของเรา วิธีนี้จะช่วยให้คุณดำดิ่งลงสู่ความคิดสร้างสรรค์ที่สอดคล้องกับโปรเจ็คต์ที่คุณทำอยู่ หลายครั้งที่คุณเขียนหรืออ่านทวนไอเดียที่จดไว้ คุณจะพบว่าหากคุณรวมไอเดียนี้เข้ากับอีกอัน มันจะทำให้เนื้อหาของคุณดียิ้งขึ้นไปอีก แต่สำหรับพวกเราในที่นี้ไม่ได้ทำโพรดักชั่นที่ใหญ่โต ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนขึ้นมาเป็นสคริปต์ แต่ให้ทำเป็น Synopsis แทน ซึ่ง Synopsis ก็คือเรื่องย่อ สำหรับพวกเราก็อาจจะไม่เกิน 5 หรือ 6 บรรทัด แต่ถ้าเขียนได้มากกว่านี้ก็จะดีเพราะนั่นหมายถึงว่าคุณกำลังเพิ่มเติมไอเดียลงไปในนั้น ก่อนที่คุณจะเริ่มออกแบบโปรเจ็คต์ของคุณ

3 - การออกแบบวิดีโอ

คุณมีไอเดียบนกระดาษแล้ว นั่นหมายถึงคุณพร้อมสำหรับขั้นตอนการสเก็ตช์ช็อตทั้งหมดที่ต้องการโดยเรียงตามลำดับที่จะปรากฏบนจอ เราเรียกขั้นตอนนี้ว่าการทำ สตอรี่บอร์ด ซึ่งคล้ายกับหนังสือการ์ตูนที่มีข้อความสั้นๆ เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อไหร่ ไม่จำเป็นต้องวาดให้สวย แต่เพียงแค่ให้เห็นองค์ประกอบภาพในช็อตของคุณ และให้เห็นถึงแอ็คชั่นหรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในช็อตนั้น ตั้งแต่ช็อตแรกไปจนช็อตสุดท้ายก่อนไตเติ้ลตอนจบ ใช้ลายเล้นง่ายๆ อย่างเช่นวงกลมเป็นหัวและขีดเส้นเป็นตัว แขน และขา สตอรี่บอร์ดคือสิ่งที่จะต้องใช้ดูและยึดไว้เป็นแนวทางตลอดเวลาที่คุณผลิตภาพยนตร์ ทั้งระหว่างการถ่ายทำ และระหว่างการตัดต่อ ใส่ใจกับองค์ประกอบภาพในช็อตของคุณรวมถึงการเคลื่อนของกล้องด้วย เพราะว่าทางกล้องที่แย่จะทำให้คนดูเลิกดูวิดีโอของคุณได้ง่ายๆ เลยทีเดียว เพราะคนดูไม่รู้ว่าภาพยนตร์ของคุณจะพาไปทางไหนกันแน่ องค์ประกอบภาพและการเคลื่อนของกล้องจะเป็นหัวข้อโพสต์ของผมในสัปดาห์หน้า

ตัวอย่าง

นี่เป็นตารางสตอรี่บอร์ดแบบง่าย คลิกขวาเพื่อเซฟลงบนคอมพิวเตอร์ของคุณ และใช้มันสำหรับโปรเจ็คต์ของคุณ โดยปกติแล้วโปรเจ็คต์วิดีโอความยาว 5 นาที จะใช้ตารางสตอรี่บอร์ดประมาณ 2-3 แผ่น

จำไว้เสมอว่า “จงสร้างสรรค์” และการฝ่ากฎเกณฑ์ในบางครั้งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตราบใดที่คุณสามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ และจำเรื่อง 3 องก์ไว้ด้วย

Special Thanks to @cicy and @impressable

Love and Creativity

@ricko66