"แต่ปางก่อน"

in #thai6 years ago

สมัยก่อนเป็นอย่างไรใครใคร่รู้
จะเล่าสู่กันฟังยังจำได้
สมัยก่อนสมัยนี้มีอะไร
ที่แตกต่างกันออกไปโปรดได้ฟัง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ มาพบกันอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไรดี เอางี้...เดี๋ยวฉันจะพูดคุยเรื่องราวสมัยตอนเป็นวัยรุ่นให้ฟังกันนะคะ

สมัยที่ฉันเรียนอยู่ม.ต้น ไฟฟ้ายังไม่เข้าบ้าน ตอนกลางคืนก็ต้องใช้ตะเกียง สำหรับตะเกียงจะใช้น้ำมันก๊าดเติม เวลาน้ำมันใกล้จะหมด พี่ก็จะใช้ฉันไปซื้อน้ำมันก๊าด ซื้อทีละ1บาท แม่ค้าก็จะมีที่สำหรับใช้ตักน้ำมันซึ่งทำด้วยกระบอกไม้ไผ่มีที่จับยาวๆ ใช้หย่อนลงไปตักน้ำมัน ซึ่งน้ำมันจะบรรจุด้วยปิ๊บ พอตักได้เต็มกระบอกแล้ว เขาจะเอากรวยมาวางบนปากขวดน้ำปลาแล้วกรอกลงไปจนถึงคอขวด บางทีพี่สะใภ้ก็จะขุดเอาทั้งต้นอ่อนและหัวอ่อนของต้นข่าไปแลกน้ำมันก๊าด

2018-06-13 15.46.23.jpg

ที่ต้องใช้ข่าอ่อนไปแลกก็เพราะว่าคนที่ขายน้ำมันเขาไม่มีข่าอ่อน เขาชอบนำไปต้มเป็นผัก ซึ่งทำแจ่วบองหรือจะเป็นแจ่วปลาทูกินกับต้มข่าอ่อนจะอร่อยมาก

2018-06-14 06.34.37.jpg

สำหรับหม่ำเนื้อวัวจะใช้เหรียญละบาทเป็นตัววัด โดยใช้ความยาวของเหรียญเป็นเกณฑ์ ซื้อ1บาทก็จะได้เท่ากับความยาวของเหรียญบาท เงินในสมัยก่อนมีค่ามาก เงิน1บาทสามารถซื้อส้มตำ ผัดหมี่และขนมได้ ส้มตำครกละ1สลึงแถมได้ผัดหมี่ใส่ข้างๆด้วย ซึ่งสมัยนั้นจะใช้ใบตองกล้วยเป็นภาชนะใส่

2018-06-13 19.04.12.jpg

ลุงคนนี้เล่าให้ฉันฟังว่า...
สมัยที่ท่านเป็นเด็ก ไม่เคยได้กินอาหารดีๆเหมือนเด็กทุกวันนี้ แม้แต่ปลาทูท่านยังไม่เคยเห็นเลย สำหรับไก่ ที่บ้านแกก็เลี้ยงเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ค่อยได้กิน จะได้กินก็แค่เวลาไม่สบายเท่านั้น ซึ่งไก่ในสมัยนั้นจะทำคอกไว้ใต้เล้า

สำหรับข้าวปลาอาหารที่กินอยู่เป็นประจำก็คือส้มตำ เป็นเมนูที่ไม่ต้องซื้อ พริก มะละกอ มะเขือเทศก็ปลูกกินเอง ปลูกตามบ้านหรือตามท้องนาก็ได้กินหมด ไม่เป็นโรคเหมือนกับสมัยนี้ ปลาร้าก็ทำเองแถมยังอร่อยอีกด้วย ผงชูรสก็ไม่มีกิน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากินอะไรทำไมมันถึงอร่อยไปหมด

ตกตอนเย็นหลังเลิกเรียนแล้ว แกก็จะเดินไปยังทุ่งนาเพื่อต้อนควายกลับบ้านแทนพ่อแม่ ในมือของแกจะมีข้าวเหนียว1ปั้น แล้วทำให้เป็นโพรงตงกลาง
เสร็จแล้วเอาแจ่วบองหรือบองปลาร้าใส่ลงตรงโพรง จากนั้นก็ทำข้าวเหนียวเป็นคำจ้ำแจ่วบองทั้งกินทั้งเดินไป ถึงกระนั้น...ก็ยังอร่อย

2018-06-13 22.14.59.jpg

พอถึงทุ่งนา ก็พอดีถึงเวลาเอาควายเข้าคอก ท่านก็จะต้อนควายมาตามทางแคบๆ สองข้างทางส่วนมากจะเป็นป่า บางแห่งก็มีเถาวัลย์เลื้อยพันกันจนทึบ พอออกมาพ้นบริเวณนั้นถึงจะสว่าง แกก็จะนั่งบนหลังควายอย่างสบาย เวลาจะขึ้นบนหลังควายแกก็จะออกคำสั่ง

"หย่อ หย่อ"นี่เป็นภาษาถิ่นของฉัน ถ้าภาษากลางก็หมายถึง"หยุด หยุด นั่นเอง พอควายหยุดแกก็จะใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบตรงข้อเข่าของมัน แล้วก็ใช้เท้าอีกข้างปีนขึ้นไปนั่งบนหลัง เวลามันเดินไปก็จะโยกเยก ฉันเองก็เคยขี่หลังควายเหมือนกัน บางครั้งมันก็จะวิ่ง ฉันเลยไม่ค่อยกล้าขี่หลังควายเท่าไหร่เพราะกลัวจะตกหลังควาย

บ้านในสมัยก่อนไม่ได้ใช้กระเบื้องหรือสังกะสีมุงหลังคา แต่จะใช้ไม้ เพราะสมัยนั้นต้นไม้ตามป่าตามเขาจะมีเยอะแยะไปหมด ตามท้องไร่ปลายนาก็มีเหมือนกัน อีกอย่างเงินทองก็หายาก คุณลุงท่านนี้ในสมัยที่ท่านยังหนุ่มแน่น ท่านก็จะชวนเพื่อนรับจ้างเลื่อยไม้ ซึ่งใช้เลื่อยมือ
การเลื่อยไม้ก็จะใช้คน2คน โดยทำเป็นห้าง แล้ววางขอนไม้ไว้ตรงกลางระหว่างคน2คน ซึ่งจะสูงประมาณระดับอก แล้วแต่ขนาดของท่อนไม้ ถ้าท่อนใหญ่ไม่สามารถยกขึ้นได้ ก็จะนั่งเลื่อยให้มีขนาดเล็กเสียก่อน แล้วค่อยยกขึ้นวางบนห้างเพราะการวางบนห้างจะทำให้ถนัดกว่า สำหรับความหนาของไม้ เขาจะเอาถ่านวิทยุเก่ามาทุบเอาข้างในแล้วคลุกกับเชือก พอวัดได้พอดีทั้งสองข้างแล้ว ก็จับเชือกคนละฝั่งของไม้ จากนั้นอีกฝั่งจะดึงเชือกขึ้นและปล่อยลง บริเวณผิวไม้ก็จะเป็นสีดำ
จากนั้นก็ลงมือเลื่อยไปตามรอยดำ การรับจ้างเลื่อยไม้จะทำเป็นกลุ่มประมาณ4-6คน

เวลาไปเลื่อยไม้ก็จะห่อข้าว ส่วนกับข้าวก็จะเป็นแจ่วบอง ในขณะที่เดินไปภูเขานั้น คนหนึ่งแบกเอาเลื่อย ส่วนที่เหลือก็จะหากิ้งก่าไปด้วย กว่าจะถึงภูก็ได้เป็นอาหารมื้อเที่ยง วันไหนหากิ้งก่าไม่ได้ ถ้าเห็นตุ๊กแกก็จะจับเอามาถลกหนังออก แล้วสับเป็นชิ้น ปรุงด้วยแจ่วบอง และว่านอีหมูบ

2018-06-14 15.38.21.jpg

ว่านอีหมูบจะมีกลิ่นหอมจึงช่วยดับกลิ่นคาว จากนั้นก็นำใบตองมาห่อแล้วนำไปตั้งบนถ่านไฟ โดยห่อหลายๆชั้น จะได้ไม่ไหม้ก่อนสุก

สมัยก่อนเงินมีค่าและเป็นของหายาก จึงใช้ควายแลกกับไม้ เพราะจะมีควายแทบทุกหลังคาเรือนเพื่อเอาไว้ทำนา บางคนที่ไม่มีที่นาหรือไม่มีควาย
ก็จะทำการเช่าที่บ้าง เช่าควายบ้าง โดยการเช่าจะใช้ข้าวแทนเงิน มากน้อยแล้วแต่จะตกลงกันได้

จะเห็นว่าสมัยก่อนคนแถวชนบท จะมีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย มีแค่ปลาร้าก็อยู่ได้ ปลาร้าก็มีทั้งทำจากปลาเล็กปลาใหญ่ สำหรับปลาร้าที่เป็นตัวก็จะฉีกแล้วทำข้าวเหนียวเป็นคำหักพริกดิบใส่แล้วเอาต่อนปลาร้าใส่บนพริกและคำข้าว บอกได้คำเดียวว่าอร่อยมาก ฉันเองก็เคยกินเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่กล้ากินแล้ว ตั้งแต่เขารณรงค์ไม่กินปลาร้าดิบ
เพราะจะทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับ ปัจจุบันฉันจะกินเฉพาะปลาร้าต้มเท่านั้น

พูดมาซะยืดยาวเลยทีเดียว วันนี้ก็คงต้องลาไปก่อน ก่อนจากกัน ขอให้เพื่อนๆจงมีแต่ความสุข สวัสดีค่ะ

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่คอยเป็นกำลังใจให้ด้วยดีเสมอมา

Thank you for upvote, comment and follow me.

Sort:  

อ่านได้เพลินเพลินเลยครับผม

ขอบคุณค่ะ

บ้านผมก็คนเลี้ยงก็พูด หย่อๆ เหมือนกันนะ

เหรอคะ😂😂

เล่าจนจินตนาการเห็นภาพเลยค่ะ ดาวทันแค่ขนมห่อละ 1 บาท ไปโรงเรียนได้เงิน 3 บาท ข้าวเที่ยงจาน 2 บาท ขนมหวาน 1 บาท ถ้าไม่กินขนมหวานก็ได้หยอดกะปุก 1บาท

อ๋อ เหรอคะคุณดาว

Coin Marketplace

STEEM 0.30
TRX 0.12
JST 0.034
BTC 64513.75
ETH 3146.11
USDT 1.00
SBD 3.95