"ของขวัญที่มีค่ามากมายจากแม่"
ในโลกนี้จะมีใครที่ไหนหนอ
คอยพนอเอาใจมิไกลห่าง
เฝ้าดูแลทุกวันวี่คอยชี้ทาง
ไม่ยอมห่างครั้งเมื่อเรายังเยาว์วัย
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ มาอีกแล้วนะคะกับเรื่องราวดีๆในวันนี้ ขอถือโอกาสเล่าถึงเรื่องหัวอกของพ่อแม่ก็แล้วกันนะคะ พร้อมหรือยังเอ่ย?...ถ้าพร้อมแล้วเชิญตามมาเลยค่ะ
วันนี้ไม่ได้ทำอะไร เนื่องจากสามีเข้าไปในเมืองเพื่อต่อทะเบียนรถหกล้อที่ใช้สำหรับเข็นอ้อยและรถกระบะ4ประตู ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นเงิน8,000กว่าบาท
ฉันไม่ได้ไปกับสามี ดังนั้น ฉันจึงถือโอกาสไปเอาผ้าถุงสำเร็จและเสื้อที่ไปสั่งตัดไว้เมื่อวันก่อน ฉันเป็นคนเลือกแบบเสื้อ โดยสั่งให้ช่างตัดเสื้อแขนยาว คอจีน4ตัว เสื้อคอฮาวาย1ตัว คอปีกนก1ตัวและคอเชิ้ต1ตัว สำหรับผ้าถุงก็เป็นผ้าไหม ตัดสำเร็จและใส่ผ้ากาวด้วย แกคิดราคาผืนละ350บาท สำหรับเสื้อแกรับตัดตัวละ200บาท แกบอกว่ากว่าจะได้แต่ละตัวก็ใช้เวลาเกือบวัน
ชีวิตของแกน่าสงสาร แกแต่งงานตอนอายุ18ปี อยู่กินกันมาจนมีลูก2คน เป็นผู้ชายหมด เมื่อลูกคนโตอายุได้ปีกว่าๆ ส่วนลูกคนเล็กพึ่งหัดคลาน ก็มีเหตุที่ทำให้เกิดการร้างลากับสามี เเกเล่าให้ฉันฟังว่าสามีเป็นคนขี้เหนียว ไม่ยอมให้แกเก็บเงิน สามีทำงานคนเดียว ส่วนแกเอาลูกอยู่ในห้องเช่า สมัยนั้นแกกับสามีทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เวลาแกอยากได้อะไรก็ต้องขอเงินสามีซื้อ ส่วนนิสัยส่วนตัว แกเป็นคนเจ้าอารมณ์ไปหน่อย จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น บทสรุปก็อยู่ที่แยกทางกัน สามียื่นข้อเสนอให้เลือกเอาลูก1คน แกบอกว่าแกไม่อยากพรากพี่พรากน้อง แกจะเอาหมดทั้งสองคน แต่สามีไม่ให้ แกจึงเลือกที่จะไม่เอาใครเลย...
จากนั้นสามีของแกก็เอาลูกทั้งสองคนไปให้พี่ชายและพี่สะใภ้เลี้ยง ส่วนตัวเองไปทำงานที่กรุงเทพและคอยส่งเงินมาให้ อยู่ต่อมาทั้งสองฝ่ายก็แต่งงานใหม่ ฝ่ายชายได้ลูกอีก2คน ส่วนแกได้ลูกสาว1คน แฟนใหม่ของแกทำงานเป็นเชฟ แกจึงกลับมาอยู่บ้านนอกและเลี้ยงลูกน้อยพร้อมกับเย็บผ้าไปด้วย
ส่วนแฟนใหม่ก็จะส่งเงินมาให้ใช้จ่ายมิได้ขาด นานทีปีหนแฟนแกถึงจะกลับมาเยี่ยมแกและลูก สำหรับลูกชายคนโตที่ได้กับสามีเก่าเรียนวิศวกรรมศาสตร์มข. ซึ่งแกก็ส่งเงินให้ลูกเอาไว้ใช้จ่ายแต่ไม่เยอะเพราะแกก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ส่วนลูกชายคนเล็กประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เขาเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหา เขาไม่ชอบการเรียน จึงเรียนจบแค่ม.3 หลังจากนั้นก็ไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพ เขาค่อนข้างเกเร ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อ ชอบแต่งรถมอเตอร์ไซด์ให้มีเสียงดัง เขาอายุ16ปี ซึ่งกำลังอยู่ในวัยคะนอง ในวันที่เกิดเหตุ
"จะไปไหนหละลูก ค่อยๆขับหน่อย อย่าไปเร็วนัก วันนี้เป็นวันพ่อ พ่อขอสักวันนะ อยู่บ้านเถอะ"
น้ำเสียงของพ่อบ่งบอกถึงความห่วงใย
"วันนี้เป็นวันพ่อใช่มั๊ย?...ดีหละ งั้นผมจะไปซื้อดอก
ไม้จันทน์มาฝากพ่อ"
น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงการพูดประชด เขาอาจจะมีความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรซักอย่าง พอพูดจบเขาก็ขับรถมอเตอร์ไซด์ออกไปอย่างเร็วและส่งเสียงดัง ขับไปยังไม่ไกล พ่อก็ได้ยินเสียงเหมือนการปะทะกัน แน่นอน...รถของเขาปะทะกับรถสองแถว เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลและถูกผ่าที่ท้อง ไม่รู้ว่าสายอะไรบ้างเต็มไปหมด เขาทรมานอยู่หลายวัน พอเขาเริ่มพูดได้ เขาบอกกับพ่อว่า
"พ่อครับ ต่อนี้ไปผมจะเชื่อฟังพ่อ เลิกทำตัวเสเพล
และจะช่วยพ่อทำงานหาเงินส่งพี่เรียนด้วย"
เขาพูดพร้อมด้วยสายออกซิเจน พ่อกับแม่ต่างพากันน้ำตาตก เขาสำนึกได้ หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาก็จากไปด้วยอาการสงบ สมกับคำที่เขาบอกพ่อว่าจะซื้อดอกไม้จันทน์ให้พ่อ สร้างความเสียใจให้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ยิ่งนัก
หลายปีต่อมา ลูกสาวของแกก็เริ่มโตเป็นสาว แกเกิดไปตกหลุมรักกับรุ่นน้อง ซึ่งอายุห่างกัน5ปี
พอสามีรู้ข่าวเลยทำการหย่า แกก็อยู่กินกับเด็กหนุ่มโดยการเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อใส่รางน้ำ ซึ่งแกเอาใบที่นาไปจำนองมาออกรถกระบะและซื้อสิ่งของลงทุน แรกๆก็มีความสุขดี แต่ต่อมาก็มีปัญหาหลายอย่างจนถึงขั้นเลิกรากัน แกจึงอยู่กับลูกสาวสองคน แกไม่มีรายได้อะไรแถมยังเป็นหนี้ในตอนที่อยู่กับแฟนหนุ่ม อาชีพเดิมของแกคือเป็นช่างเย็บผ้า
ดังนั้นแกจึงหวนมารับตัดเสื้อผ้า ถ้าถึงหน้าตัดอ้อย แกก็จะไปรับจ้างตัดอ้อย ซึ่งตอนนี้อายุของแกก็58ปี แกจะโทรคุยกับลูกชายคนโตที่ได้กับสามีเก่าอยู่เป็นประจำ แกไม่มีรายได้อะไร
ลูกชายคนนี้ตอนนี้อายุ35ปี เขาพึ่งแต่งงานไปไม่นาน แกเลิกกับแฟนหนุ่มมา3ปีแล้ว ในช่วงที่แกอยู่กับแฟนหนุ่ม ลูกชายจะไม่ให้เงินแกใช้เพราะไม่ชอบหน้าพ่อเลี้ยง พอเลิกกับแฟนหนุ่มแล้ว ลูกชายกลับบ้านมาเยี่ยมลุงกับป้าที่เลี้ยงเขามา เขาก็จะมาแวะบ้านแม่ทุกครั้ง เมื่อ4วันก่อน จักรเย็บผ้าแกพังเพราะใช้มาเกือบ20ปีแล้ว แกจึงเล่าให้ลูกชายฟัง
ลูกชายเลยโอนเงินให้14,000บาท แกดีใจมาก
"ยายนาง ฉันดีใจเหลือเกินที่ ลูกไม่ทิ้งฉัน ฉันจะอยู่กับลูกไปอย่างนี้แหละ และจะไม่ยอมมีแฟนอีก
ถ้าลูกสาวของฉันคิดได้เหมือนลูกชาย ฉันคงมีความสุข ลูกสาวฉันมันไม่ยอมทำงาน คอยขอแต่เงินแม่ แม่ก็หาได้แค่วันละ200-300บาทเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรของฉัน ฉันบอกฉันสอนมันก็เถียงคำไม่ตกฟาก"
แกพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจและลงท้ายด้วยน้อยใจ
"ยายนาง แต่ฉันโชคดีอยู่อย่างหนึ่งที่แม่ได้ให้วิชาไว้กับฉัน สมัยฉันเป็นวัยรุ่น แม่บอกให้ฉันเรียนต่อ ท่านไปเสียค่าเทอมและทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่เพื่อนที่เรียนมาด้วยกันระดับประถม ไม่มีใครเรียนต่อเลยซักคน เขาพากันออกมาเลี้ยงควายหมด ฉันเห็นเขาเลี้ยงควายมันสนุกดี ฉันเลยไม่เรียน ดังนั้นแม่จึงบังคับให้ฉันเรียนตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ก็ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง นี่เป็นเพราะความห่วงใยของแม่แท้ๆ ที่ทำให้ฉันมีอาชีพติดตัวมา และในวันที่ฉันไม่มีอะไรเลย อย่างน้อย...ฉันก็ยังสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยอาชีพนี้ ฉันรู้แล้วว่าที่ท่านบ่นและดุในตอนนั้น เป็นเพราะว่าท่านรักฉันนั่นเอง ท่านห่วงใยและมองการณ์ไกลได้ดีจริงๆ ถึงแม้ว่าท่านจะจากฉันไปนานหลายปีแล้ว แต่เมื่อใดที่ฉันเห็นจักรเย็บผ้า
ฉันจะระลึกถึงท่านและขอบคุณท่านที่ทำให้ฉันมีวันนี้เสมอ"
เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ เรื่องราวของคนเย็บผ้า
ฉันคิดว่าคงจะมีน้อยหรือแทบไม่มีเลยที่พ่อแม่จะไม่ต้องการเห็นลูกมีความสุข เจริญก้าวหน้า ใครที่คิดว่าพ่อแม่ไม่รัก คิดใหม่ได้นะคะ พ่อแม่บางคนอาจจะดุ ด่า ว่า เตือน เลยคิดไปว่าพ่อแม่ไม่รัก แต่จริงๆแล้วหารู้ไม่ว่า นั่นแหละคือความรักและความห่วงใย
พูดคุยมาเยอะแล้ว คงจะได้เวลาที่จะต้องจากกัน ขอให้เพื่อนๆจงมีแต่ความสุข สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณทุกๆอัพโหวต คอมเม้นต์และการติดตามนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกๆท่านค่ะ
Thank you for upvote, comment and follow me.
Love you all.
ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณพี่ท่านนั้นด้วยค่ะ .... สู้ๆค่ะ
ค่ะคุณแน๊ต นี่หละเนาะชีวิต แต่ละชีวิตก็แตกต่างกันไป
อีกมุมหนึ่งของชีวิตนะครับ ขอเป็นกำลังใจพี่เค้าด้วยครับ แต่ค่าภาษีรถนี้มากอยู่นะนะครับถ้าคิดเป็นก้อน แต่อย่างว่ากระบะใหม่ 4 ประตูกับ 6 ล้อ
ขอบคุณค่ะคุณโจ้ สำหรับค่าภาษีรถในแต่ละปีก็เอาการอยู่ รวมกับกระบะคันเก่าก็ตกปีละหมื่นกว่าบาทค่ะ
ไม่ว่าเราจะโตแค่ใหน พ่อแม่ก็เห็นเราเป็นเด็กเหมือนเดิมแหละครับ
ใช่ค่ะ ถึงเขาจะโตแล้ว แต่ความเป็นห่วงก็ยังคงเหมือนเดิม
เป็นกำลังใจให้พี่เค้าด้วยคะ อดีตกลับไปไม่ได้แต่ปัจจุบันเลือกที่จะเป็นได้คะ สู่้ ๆ
ขอบคุณค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะสู้ๆค่ะ
จ้ะเหมียว