เรื่องราวชีวิตตอน"ความเจ็บปวดที่แสนจะยินดี"
ดั่งนกน้อยโผผินบินไปเที่ยว
ตัวคนเดียวไร้คู่อยู่เคียงขวัญ
ต้องเดียวดายอ้างว้างหนทางตัน
เคยเคียงคู่อยู่ด้วยกันพลันเลิกรา
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ พบกันอีกเช่นเคยกับเรื่องราวชีวิตของคนท้องไร่ท้องนา...เพื่อไม่เป็นการเสียเวลามาฟังต่อกันเลยค่ะ
หลังจากที่ฉันปั่นจักรยานไปทุ่งนา เพื่อที่จะไปชมความงามของรวงข้าวซึ่งกำลังรอเคียว ฉันจึงได้พบกับสามี เขาขอให้เราคืนดีกัน ฉันได้คิดตรองดูแล้ว จึงตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาอีกครั้ง...
พอดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าฉันจึงปั่นจักรยานกลับ ในใจก็คิดไปตลอดทาง ถ้าฉันจะคืนดีกับเขา แล้วพี่ล่ะ...พี่จะยอมให้เราคืนดีกันมั๊ย?...ฉันรู้สึกหวาดหวั่นเหลือเกิน ฉันปั่นจักรยานพร้อมกับครุ่นคิดตลอดทาง...
พอฉันมาถึงบ้านพี่ พี่ก็ถามถึงข้าวว่าพอเกี่ยวหรือยัง เราคุยกันได้สักพัก สามีก็ปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้าน เขาเดินมาและนั่งลงพร้อมทั้งขอโทษพี่ เขาเอาดอกไม้กับเทียนอย่างละ5คู่มากราบขอขมา พี่ไม่ว่ากระไร ท่านเพียงแต่บอกกับเขาว่าให้เขาดูแลฉันและลูกให้ดี อย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก จะไม่ได้รับการอภัยจากท่าน คืนนั้นฉันและเขานอนอยู่บ้านพี่ รุ่งเช้าเขาจึงขออนุญาตจากพี่ให้ฉันและลูกไปอยู่ทุ่งนากับเขาดังเดิม
พอฉันกลับมาอยู่ทุ่งนากับเขาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนแปลงไปมาก เคยเป็นคนขี้โมโห ใจร้อน แต่ตอนนี้เขาพยายามเอาใจฉัน เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มร้อยก็ตาม ส่วนฉันเองก็พยายามปรับตัวให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าอาจจะขัดกับความรู้สึกของตัวเองในบางครั้งก็ตาม
ฉันต้องขอบคุณบทเรียนการเลิกราในครั้งนี้ เพราะมันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี ฉันมาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ฉันเองก็มีส่วนผิดมิใช่น้อย ฉันเป็นคนโกรธง่าย ใครจะว่าอะไรไม่ได้เป็นต้องโกรธทันที คงจะเป็นเพราะว่าฉันถูกเอาใจมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะฉันเป็นน้องคนสุดท้อง พี่ๆจะคอยเอาใจฉันทุกคน ไม่มีใครว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจ พอมาเจอผู้ชายอย่างเขาซึ่งตรงไปตรงมาและไม่คำนึงว่าคนอย่างฉันจะเป็นอย่างไร ฉันจึงมีความรู้สึกว่ายอมรับมันไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เอง ฉันจึงขาดความอดทน เจอปัญหานิดหน่อยก็ทนไม่ได้ แต่บัดนี้ ฉันเริ่มจะคิดได้ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับเขา ถึงแม้ว่าจะมีการขัดใจกันบ้างในบางครั้ง แต่เราทั้งคู่ก็ยอมรับมันได้ เพราะนั่นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ เราพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน ถ้าเขากำลังโมโหอยู่ ฉันจะไม่พูดหรือโต้ตอบใดๆ แต่ก็นั่นแหละ บางครั้งมันก็อดไม่ได้ที่จะพูดหรือโต้แย้ง แต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน2ปีกว่าๆ จนกระทั่ง...
วันหนึ่ง ฉันรู้สึกเหนื่อย กินอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นไข้ ฉันทำงานได้ไม่เหมือนเช่นเคย อาหารที่พอจะกินได้ก็เห็นจะเป็นข้าวเหนียวกับมะขามกวน นอกเหนือจากนี้คือกินไม่ได้เลย ฉันเป็นอย่างนั้นอยู่เดือนกว่าๆ ฉันคิดว่าฉันคงป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง ฉันทนอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว...ฉันต้องไปหาหมอ
เขาจึงพาฉันไปหาหมอ หมอก็ตรวจเรียบร้อยและไม่พบโรคใดๆ ก่อนที่ฉันจะลาคุณหมอกลับบ้าน คุณหมอบอกกับฉันว่าดีใจด้วยนะ ฉันเองก็งงว่าจะดีใจเรื่องอะไรนะ คุณหมอจึงบอกว่าฉันท้อง
พอคุณหมอพูดจบฉันและสามีดีใจมาก เรากำลังจะมีลูก เรากำลังจะมีโซ่ทองคล้องใจอีก
พอฉันท้องโตจวนจะคลอด สามีจึงพาฉันมาหาแม่ของเขาที่บ้าน พอฉันเจ็บท้อง ทุกคนก็พาฉันส่งโรงพยาบาล ฉันเจ็บอยู่ไม่นานก็คลอด ญาติๆก็มาเฝ้ารออยู่ที่โรงพยาบาล คำถามแรกที่ฉันถามพี่สาวของสามีคือลูกมีอวัยวะครบ32มั๊ย? แล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คำตอบก็คือครบอาการ32และเป็นผู้หญิงเสียด้วย
ทันทีที่ฉันได้ยินคำตอบ ฉันรู้สึกดีใจจนสุดจะหาคำบรรยาย เพราะมันได้ดั่งใจปรารถนา ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ส่วนลูกคนที่2เป็นผู้หญิง มันช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ เมื่อฉันพักฟื้นแล้วคุณหมอจึงถามว่าจะทำหมันเลยมั๊ย?...
ฉันจึงปรึกษากับสามี ได้ข้อสรุปคือทำหมัน เพราะถ้ามีลูกหลายคน เราก็เกรงว่าจะเลี้ยงเขาไม่ได้ดีเท่าที่ควร และอีกอย่าง มีแค่2คนเราก็พอจะมีที่ทางแบ่งให้เขาเป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานได้บ้าง
ก่อนที่จะถึงคิวฉัน ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำทำหมันเสร็จแล้ว เดินออกมาจากห้องผ่าตัด ดูท่าทางของเธอเหมือนคนที่ปกติธรรมดา ไม่มีริ้วรอยแห่งึวามเจ็บปวดแต่อย่างใด แถมเธอยังยิ้มให็ฉันเสียด้วย ฉันคิดอยู่ในใจว่าคงจะไม่เจ็บเหมือนตอนคลอดลูกเป็นแน่
พอเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็บอกให้ขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่อรอการผ่าตัดทำหมัน อันดับแรกคือฉีดยาชา เมื่อยาชาออกฤทธิ์ การผ่าตัดก็เริ่มขึ้น ฉันมีความรู้สึกเหมือนมีมีดกรีดที่หน้าท้องใต้สะดือ จากนั้นดูเหมือนว่าคุณหมอจะใช้คีมคีบรังไข่ขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นฉันรู้สึกเจ็บเล็กน้อย คุณหมอคงจะมัดรังไข่ทั้งสองข้าง เสร็จแล้วก็เป็นการเย็บแผล
เมื่อคุณหมอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย พยาบาลจึงบอกให้ฉันลุกจากเตียงเพื่อให้คนอื่นที่รอการผ่าตัดเข้ามา ขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น ฉันทำไมถึงลุกไม่ขึ้น ฉันรู้สึกเจ็บแผลเหลือเกิน ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น มันเจ็บมาก...และเจ็บกว่าการคลอดลูกเสียอีก พยาบาลจึงช่วยพยุงฉันลุกขึ้น ฉันมีอาการเจ็บแผลและวิงเวียน ฉันนั่งอยู่บนเตียงและตั้งสติ สักครู่ฉันจึงเดินออกจากห้องพร้อมกับหอบท้องด้วยความเจ็บปวด
ในความรู้สึกของฉันแล้ว การทำหมันมันช่างทรมานกว่าการคลอดลูกเหลือเกิน หลังจากทำหมันเสร็จแล้ว ฉันและสามีพร้อมด้วยลูกทั้งสองคนก็ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านแม่ของสามี แม่ของเขาจะไม่ให้ฉันทำอะไรเลย แม้แต่ซักผ้าอ้อมท่านก็ให้ลูกสาวคนเล็กของท่านซึ่งกำลังจะเป็นสาวซักให้ ฉันก็ได้แค่เลี้ยงลูกน้อยอย่างเดียว สมัยนั้นจะเอาลูกน้อยนอนในอู่ ฉันนอนไกวลูก เวลาลูกฉี่และหิวนม มันช่างทรมานเหลือเกิน ฉันต้องค่อยๆตะแคงแล้วค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้น ฉันทรมานอยู่อย่างนั้นครึ่งเดือน อาการเจ็บปวดก็ค่อยๆดีขึ้น
เรื่องราวชีวิตยังไม่จบ โปรดรอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เป็นกำลังใจให้ด้วยดีเสมอมา และขอขอบคุณsteemit ที่ทำให้เราได้มารู้จักกันกับมิตรภาพดีดี
Thank you for visiting my post and follw me.
Love you all.
ยินดีด้วยนะคะพี่นาง ความรักต้องการความใส่ใจ ยอมรับข้อดี ข้อเสียซึ่งกันและกัน พยายามปรับตัวเข้าหากัน อ่านแล้วรู้สึกดีและได้เรียนรู้ชีวิตคู่จากพี่และสามี ได้ลูกชาย 1 หญิง1 เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบมากค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณวิ กว่าจะเรียนรู้นิสัยและเข้ากันได้ ก็เหนื่อยเหมือนกันค่ะ
แต่ก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เสียไปนะคะพี่นาง
ค่ะคุณวิ
ได้กลับมาใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอีกครั้งถือว่าเป็นความโชคดีมากๆ ค่ะคุณป้า ครอบครัวจะได้อบอุ่นและสมบูรณ์แบบ
จ้ะเหมียว
อ่านแล้วการทำหมันนี้ชั่งทรมานจริงๆเลย เห็นหลานที่บ้านทำก็ทรมานคับกว่าจะหายก็หลายเดือนเหมือนกัน บ่นปวดตลอดเลยครับ แต่ก็ยังดีนะที่พี่มีเรื่องน่ายินดีอยู่ด้วย ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับ
ขอบคุณมากเลยค่ะที่แวะมาให้กำลังใจ